‘บ๊อช’ ปลื้มรายได้โตทะลุ 1.28 หมื่นล้าน
ธุรกิจยานยนต์ รุ่ง “บ๊อช” ฟุ้งผลประกอบการโต 7.5% หรือ ทะลุ 1.28 หมื่นล้านบาท พร้อมเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ และอนาคตแห่งการขับเคลื่อน
นายโจเซฟ ฮง กรรมการผู้จัดการของบ๊อช ประเทศไทย กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศที่มียอดขายบ๊อชสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 โดยในปีที่ผ่านมามียอดขายรวม 1.28 หมื่นล้านบาท (335 ล้านยูโร) หรือเพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องเป็นผลมาจากธุรกิจยานยนต์ที่แข็งแกร่ง และบ๊อช มีการลงทุนต่อเนื่องเพื่อรองรับ โดยในปี 2560 ได้ลงทุนราว 1.6 พันล้านบาท และได้เปิดโรงงานอัจฉริยะเพื่อผลิตระบบส่งกำลัง พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งแรกในไทย
[caption id="attachment_288178" align="aligncenter" width="503"]
โจเซฟ ฮง[/caption]
“ปีที่ผ่านมาทุกกลุ่มธุรกิจของเรามีการเติบโต โดยกลุ่มธุรกิจโซลูชันแห่งการขับเคลื่อนของบ๊อช โตขึ้นอย่างมาก ปัจจัยหลักมาจากแผนกระบบควบคุมแชสซีส์และโซลูชันระบบส่งกำลัง ส่วนกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคมีการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่องพร้อมขยายธุรกิจไปยังช่องทางอี-คอมเมิร์ซ ในส่วนของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานและอาคาร สามารถทำรายได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้เป็นผลมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากอุตสาหกรรมการผลิตที่กำลังขยายตัว อีกทั้งการใช้จ่ายของรัฐบาลในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีอุตสาหกรรมก็เติบโตเช่นเดียวกัน โดยเป็นผลมาจากธุรกิจด้านระบบอัตโนมัติในโรงงาน และการสร้างรากฐานที่มั่นคงของธุรกิจอุตสาหกรรมที่เชื่อมต่อกัน”
นายฮง กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการลงทุนต่อเนื่องของบ๊อชแล้วนโยบายของรัฐ อาทิ โครงการอีอีซี ก็มีส่วนช่วยในการกระตุ้นภาพ รวมเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น
นายฮงกล่าวว่าสิ่งที่บ๊อชกำลังจะสร้างเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจยานยนต์ ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ (Connectivity) และอนาคตแห่งการขับเคลื่อน (Future of Mobility) โดยบ๊อชได้วางเป้าหมายภายในปี 2563 ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ของบ๊อชทุกชิ้นจะสามารถเชื่อมต่อกันได้
หน้า 23-24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ3,373 วันที่10 - 13 มิถุนายน 2561
นายโจเซฟ ฮง กรรมการผู้จัดการของบ๊อช ประเทศไทย กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศที่มียอดขายบ๊อชสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 โดยในปีที่ผ่านมามียอดขายรวม 1.28 หมื่นล้านบาท (335 ล้านยูโร) หรือเพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องเป็นผลมาจากธุรกิจยานยนต์ที่แข็งแกร่ง และบ๊อช มีการลงทุนต่อเนื่องเพื่อรองรับ โดยในปี 2560 ได้ลงทุนราว 1.6 พันล้านบาท และได้เปิดโรงงานอัจฉริยะเพื่อผลิตระบบส่งกำลัง พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งแรกในไทย
[caption id="attachment_288178" align="aligncenter" width="503"]
“ปีที่ผ่านมาทุกกลุ่มธุรกิจของเรามีการเติบโต โดยกลุ่มธุรกิจโซลูชันแห่งการขับเคลื่อนของบ๊อช โตขึ้นอย่างมาก ปัจจัยหลักมาจากแผนกระบบควบคุมแชสซีส์และโซลูชันระบบส่งกำลัง ส่วนกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคมีการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่องพร้อมขยายธุรกิจไปยังช่องทางอี-คอมเมิร์ซ ในส่วนของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานและอาคาร สามารถทำรายได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้เป็นผลมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากอุตสาหกรรมการผลิตที่กำลังขยายตัว อีกทั้งการใช้จ่ายของรัฐบาลในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีอุตสาหกรรมก็เติบโตเช่นเดียวกัน โดยเป็นผลมาจากธุรกิจด้านระบบอัตโนมัติในโรงงาน และการสร้างรากฐานที่มั่นคงของธุรกิจอุตสาหกรรมที่เชื่อมต่อกัน”
นายฮง กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการลงทุนต่อเนื่องของบ๊อชแล้วนโยบายของรัฐ อาทิ โครงการอีอีซี ก็มีส่วนช่วยในการกระตุ้นภาพ รวมเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น
นายฮงกล่าวว่าสิ่งที่บ๊อชกำลังจะสร้างเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจยานยนต์ ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ (Connectivity) และอนาคตแห่งการขับเคลื่อน (Future of Mobility) โดยบ๊อชได้วางเป้าหมายภายในปี 2563 ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ของบ๊อชทุกชิ้นจะสามารถเชื่อมต่อกันได้
หน้า 23-24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ3,373 วันที่10 - 13 มิถุนายน 2561
