“คลัง” โต้ข่าวลือ “ตั้งกองทุนประชารัฐ 4 หมื่นล้าน” ไม่เกี่ยวหนุนพรรคการเมือง

07 มิ.ย. 2561 | 12:41 น.
“คลัง” โต้ข้อวิจารณ์กองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากวงเงิน 4 หมื่นล้านตามร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ ปี 62 เอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมืองเตรียมพร้อมเลือกตั้ง ย้ำตั้งกองทุนฯ เป็นไปตามแผนงานยุทธศาสตร์สร้างความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำฯ เป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 11 ล้านคน

- 7 มิ.ย. 61 - สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ออกหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงถึงการวิจารณ์ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 กองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากเอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมืองว่า รัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจัดทำโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐในปี 2559 และ 2560 เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2560 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการ “ประชารัฐสวัสดิการ การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ตามที่กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางเสนอ ซึ่งประกอบด้วย

1. วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าประชารัฐและร้านอื่นๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด โดยให้วงเงิน 200 บาท/คน/เดือน สำหรับผู้ที่มีรายได้เกินกว่า 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี และวงเงิน 300 บาท/คน/เดือน สำหรับผู้มีสิทธิที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี

2. วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนดจำนวน 45 บาท/คน ต่อ 3 เดือน

3. วงเงินค่าโดยสารรถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ระบบ e-Ticket/รถไฟฟ้า จำนวน 500 บาท/คน/เดือน

4. วงเงินค่าโดยสารรถบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จำนวน 500 บาท/คน/เดือน และ

5. วงเงินค่าโดยสารรถไฟจำนวน 500 บาท/คน/เดือน

สำหรับการให้ความช่วยเหลือตามมาตรการข้างต้นใช้แหล่งเงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากภายใต้พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2561 ซึ่งผู้มีรายได้น้อยยังสมควรได้รับความช่วยเหลืออีกระยะหนึ่งจนกว่าจะพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น รัฐบาลจึงมีนโยบายให้ดำเนินมาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง จึงมีการตั้งงบประมาณจำนวน 40,000 ล้านบาทสำหรับกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์สร้างความมั่นคงและลดความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจและสังคม

โดยมาตรการข้างต้นเป็นการช่วยเหลืออย่างถูกกลุ่มเป้าหมายและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวนประมาณ 11 ล้านคน อีกทั้งทำให้เกิดความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายและช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพอย่างแท้จริง และมิใช่การตั้งวงเงินไว้ใช้สำหรับให้พรรคการเมืองใช้เตรียมพร้อมต่อการเลือกตั้งในเดือน ก.พ. 2562 แต่อย่างใด