ปตท. เปิดเกมลุย 'รถอีวี'!! จับมือ 6 พันธมิตร สร้างเทคโนโลยี

29 พ.ค. 2561 | 06:46 น.
280561-1326 app51739297_m

'เทวินทร์' ยัน! รถยนต์ไฟฟ้ามาแน่ เตรียมจัดสรรงบศึกษา ลุยธุรกิจเกี่ยวเนื่อง หลังจับมือ 6 ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ ร่วมพัฒนาเทคโนโลยี ตั้งแต่การเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนโรงงาน ผลิตแบตเตอรี่ สถานีชาร์จ และตัวแทนจำหน่า

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กำลังรุกเข้าสู่ธุรกิจเกี่ยวเนื่องยานยนต์สมัยใหม่ หรือ รถยนต์ไฟฟ้า (บีอีวี) หลังจากได้ลงนามความร่วมมือ (เอ็มโอยู) กับ 6 บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ที่มีความสนใจจะผลิตรถยนต์บีอีวี ประกอบด้วย BMW, Mercedes-Benz, Volvo, Porsche, Mitsubishi และ Nissan ที่จะร่วมมือศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยี รวมทั้งการพัฒนาโอกาสในธุรกิจที่เกี่ยวข้องร่วมกัน


mp36-3266-b

โดย ปตท. เชื่อมั่นว่า รถยนต์บีอีวีจะเกิดขึ้นได้ในระยะอันใกล้นี้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและดิจิตอลที่รวดเร็ว สอดรับกับกระแสโลกที่จะมุ่งไปสู่การพัฒนายานยนต์สมัยใหม่ และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ที่จะหันมาใช้ไฟฟ้าทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลมากขึ้น ในขณะเดียวกัน รัฐบาลมีนโยบายการส่งเสริมผลิตรถยนต์บีอีวี ล่าสุด ออกมาประกาศจัดสรรงบก้อนหนึ่งเพื่อมาศึกษาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์บีอีวีในแต่ละโครงการ ไม่ว่าจะเป็น การจัดตั้งสถานีชาร์จ แบตเตอรี่ การผลิตอุปกรณ์ การตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ รวมทั้งการเป็นตัวแทนจำหน่าย หรือ ดีลเลอร์รถยนต์บีอีวี

 

[caption id="attachment_285424" align="aligncenter" width="367"] เทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เทวินทร์ วงศ์วานิช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)[/caption]

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ปตท. อยู่ระหว่างการจัดสรรงบประมาณ เพื่อมาศึกษารูปแบบการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับยานยนต์ไฟฟ้า หรือ บีอีวี (รถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้า 100%) เนื่องจากความเชื่อมั่นว่า ทิศทางการผลิตและความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่รวดเร็ว

ดังนั้น ปตท. จำเป็นต้องเร่งปรับตัวให้ทันกับภาวะดังกล่าว และสอดคล้องกับทิศทางของโลก ที่จะหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น และเป็นโอกาสสร้างธุรกิจใหม่ให้กับบริษัท โดยจะเข้าไปศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่การเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์รถยนต์บีอีวี ที่ต้องการน้ำหนักเบาแต่มีความแข็งแรง ซึ่ง ปตท. มีบริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีและสามารถจะผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ได้แล้ว อย่าง บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) และขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมีคอล จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีทีจีซี ว่า มีความพร้อมสามารถผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อะไรได้บ้าง เพื่อป้อนให้กับรถยนต์บีอีวี


IMG_9774

อีกทั้ง การลงทุนตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่กับพันธมิตร หรือ ค่ายรถยนต์ ที่ ปตท. เอ็มโอยูด้วย มีความพร้อมด้านเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ สามารถรองรับการวิ่งในระยะทางไกลได้ หากดำเนินการได้จะช่วยให้ต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่มีราคาถูกลงและทำให้รถยนต์บีอีวีการใช้ที่แพร่หลายมากขึ้น

รวมทั้งการลงทุนตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า หรือ ปั๊มชาร์จแบตเตอรี่ และระบบโครงการสถานีชาร์จแบตเตอรี่ เพื่อให้ครอบคลุมกับความต้องการ ซึ่งปัจจุบัน เปิดดำเนินการแล้ว 6 แห่ง และคาดว่าภายในปีนี้จะเปิดให้ครบ 21 แห่ง โดยที่ผ่านมา การจัดตั้งสถานีชาร์จแบตเตอรี่ได้มีความร่วมมือกับทาง BMW ในการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกันแล้ว


GP-3356_180413_0005

นอกจากนี้ จะศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการเป็นตัวแทนจำหน่าย หรือ ดีลเลอร์รถยนต์บีอีวี เนื่องจากเห็นว่า เมื่อมีการก่อสร้างสถานีชาร์จแบตเตอรี่นอกสถานีบริการน้ำมันแล้ว ก็ควรจะมีโชว์รูมตั้งขึ้นมาควบคู่ด้วย เพราะเห็นว่า โชว์รูมต่าง ๆ คงไม่อยากจะจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันและใช้ไฟฟ้าในโชว์รูมเดียวกัน และเมื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายแล้ว ก็ต้องขยายธุรกิจไปสู่การบริการสนับสนุนการใช้รถยนต์บีอีวี ที่จะต้องมีศูนย์บริการซ่อม การประกันยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบัน ปตท. ก็มีศูนย์บริการ FIT ที่ดำเนินงานให้บริการซ่อมรถยนต์อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม การศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการต่าง ๆ อาจจะใช้ระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยี แต่จะอยู่ในแผนที่ ปตท. วางไว้ในระยะเวลา 5 ปีนี้ อย่างแน่นอน ส่วนงบการลงทุนจะเป็นเท่าใดนั้น ต้องขึ้นกับผลการศึกษาความเป็นไปได้ในธุรกิจก่อน


img_96a13ad36e359d513772408aa59de271

ทั้งนี้ จากการรายงานของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงยอดขายรถยนต์ภายในประเทศ พบว่า ในปี 2563 จะมียอดขายรถยนต์รวม 9 แสนคัน เป็นรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน 95% และยานยนต์ไฟฟ้า 5% โดยมียอดสะสมของรถยนต์ไฟฟ้าทุกชนิด 1.2 แสนคัน เป็นประเภทไฮบริด 65% ปลั๊กอินไฮบริด 27% และบีอีวี 8%


……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,369 วันที่ 27-30 พ.ค. 2561 หน้า 15

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
PEA บูมจุดชาร์จรถอีวี พัทยาใช้ฟรีถึง30มิ.ย.
"PEA VOLTA Platform" นวัตกรรมสำหรับรถอีวีไทย


e-book-1-503x62