ผวาโลกแบนสินค้าประมงไทย 1.2 แสนล้าน 1 มิ.ย. กระทรวงแรงงานนัดสมาคมประมงถกร่างกฎหมายแรงงานใหม่ให้สอดรับกับ ILO ประมงนอกน่านนํ้าวิจารณ์ยับ แปลอังกฤษเป็นไทยเพี้ยน “มงคล” ติง 2 ประเด็นใหญ่เพิ่มภาระนายจ้าง
ความคืบหน้า ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)แรงงานประมง พ.ศ. ... จัดทำโดยกระทรวงแรงงานที่ได้ศึกษามา 2 ปี ร่วมกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ประจำประเทศไทย ให้เหตุผลจำเป็นต้องมีพ.ร.บ.หรือกฎหมายนี้เนื่องจากสภาพการจ้าง สภาพการทำงานในภาคประมงมีความแตกต่างจากการทำงานของลูกจ้างทั่วไป มีความเสี่ยงภัยทางทะเลและมีระยะเวลาการทำงานที่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
ขณะที่กฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน คือกฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานในงานประมงทะเล พ.ศ. 2557 ออกตามความในพ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับสภาพการจ้าง สภาพการทำงานแก่คนงานประมงทะเลแต่มีบทบัญญัติบางประการที่ไม่สอดคล้องและครอบคลุมสภาพการจ้างงานในงานประมงทั้งหมด จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายว่าด้วยแรงงานประมงให้ครอบคลุมประมงทุกภาคส่วน เพื่อคุ้มครองและส่งเสริม สิทธิของแรงงานประมง ให้สอดคล้อง กับมาตรฐานระหว่างประเทศ เป็นการป้องกันการใช้แรงงานที่ผิดกฎหมายในภาคการประมง รวมทั้งวางมาตรการในการควบคุม กำกับ ดูแลและบริหารจัดการในการออกใบรับรองด้านแรงงานภาคประมงให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
ต่อเรื่องนี้ แหล่งข่าวจากสมาคมการประมงนอกน่านนํ้าไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากที่กระทรวงแรงงานได้มีการลอกกฎหมายในอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ 188 ว่าด้วยการทำงานในภาคการประมง พ.ศ.2550 (ค.ศ.2007) มาใช้ยกร่างกฎหมายฉบับนี้ถือว่าไม่สอดคล้องกับบริบทและวิถีของภาคประมงไทย จากการตรวจสอบยังมีการแปลความหมายภาษาอังกฤษเป็นไทยผิดเพี้ยนในหลายมาตรา
ทั้งนี้ทางกระทรวงอ้าง
เพื่อขจัดการละเมิดการทำงานในภาคประมง รวมทั้งเสริมสร้างกรอบความคุ้มครองทางกฎหมายของประเทศไทยโดยอ้างอิงกรอบของ ILO จะได้รับการคุ้มครองทางสังคม อาทิ การได้รับการตรวจสุขภาพ การจัดอาหารและนํ้าดื่มที่ถูกสุขลักษณะ การให้การดูแลทางการแพทย์เมื่อลูกจ้างประสบอันตรายจากการทำงาน มีเวลาพัก ตลอดจนการจัดที่พักอาศัยให้อย่างเหมาะสม การจัดทำบัญชีรายชื่อสัญญาจ้าง ทะเบียนลูกจ้าง หลักฐานการจ่ายค่าจ้าง รวมทั้งการส่งเสริมความปลอดภัยในการทำงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนและมาตรฐานสากล
แหล่งข่าวจากกระทรวงแรงงาน กล่าวยอมรับว่าการออกกฎหมายย่อมมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการ แต่หากยังยืนอยู่กับสิ่งที่มีที่เป็นโดยไม่มองถึงโลกที่เปลี่ยนแปลงไป หากเกิดผลกระทบกับการค้าของประเทศก็ควรมีการปรับเปลี่ยน
นายมงคล สุขเจริญ คณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ซํ้าซ้อนกับกฎกระทรวงที่เคยออกมาก่อนหน้านี้แล้ว มี 2 เรื่องที่ทางสมาคมไม่เห็นด้วย 1. การปรับเก๋งเรือจะต้องมีความสูงไม่ตํ่ากว่า 2 เมตร ไม่สามารถใช้กับเรือเก่าได้ เสนอให้บังคับใช้กับเรือใหม่ ถึงจะเป็นธรรม 2.ให้นายจ้างต้องทำประกันสังคมให้แรงงาน ก็มีความเสี่ยงทำไปแล้วลูกจ้างออกจะทำอย่างไร ปัญหาเหล่านี้เพิ่มภาระต้นทุนให้นายจ้างทั้งสิ้น กระทรวงแรงงานได้นัดหารือกับสมาคม ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้เพื่อถกกันในประเด็นที่ยังเป็นปัญหา จากข้อมูลของกรมประมงในปี 2560 ไทยมีการส่งออกสินค้าประมงทุกชนิดปริมาณ 1.9 ล้านตันมูลค่า 1.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ส่งออก 1.8 ล้านตัน มูลค่า 1.1 แสนล้านบาท
เซกชั่น : การค้า-การลงทุน | หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,370 วันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย. 61