กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.50-31.90 บ.ต่อดอลลาร์ จับตาเงินเฟ้อสหรัฐฯ

07 พ.ค. 2561 | 07:59 น.
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.50-31.90 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ 31.76 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 3 เดือน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยด้วยมูลค่า 1.12 หมื่นล้านบาท และ 1.15 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่เงินดอลลาร์ยังแข็งค่าต่อเนื่องเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในช่วง 1.50-1.75% ตามคาด โดยเฟดระบุว่าเงินเฟ้อขยับเข้าใกล้ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ในทางกลับกัน ข้อมูลเงินเฟ้อของกลุ่มยูโรโซนอ่อนแอเกินคาด ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์แตะระดับสูงสุดของปี 2561

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่าตลาดจะติดตามตัวเลขเงินเฟ้อทั้งฝั่งผู้ผลิตและผู้บริโภคของสหรัฐฯ หลังข้อมูลจ้างงานเดือนเมษายนบ่งชี้ว่าอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 17 ปีที่ 3.9% แต่การเติบโตของค่าจ้างกลับฟื้นตัวอย่างช้าๆ ซึ่งยังคงสร้างความท้าทายสำหรับเฟด เนื่องจากภาวะตลาดแรงงานที่ตึงตัวไม่ได้ส่งผ่านไปยังค่าจ้างและเงินเฟ้อตามที่ควรจะเป็น นอกจากนี้ นักลงทุนจะให้ความสนใจการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ในวันที่ 10 พฤษภาคม ซึ่งคาดว่าจะเลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยออกไปเป็นช่วงครึ่งหลังของปี หลังเศรษฐกิจอังกฤษเติบโตเพียง 0.1% ในไตรมาสแรก ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์เผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง สำหรับประเด็นสำคัญอื่นๆ ได้แก่ ความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงทิศทางการเคลื่อนย้ายเงินทุนในตลาดเกิดใหม่ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้น แม้ว่าเฟดแสดงความมั่นใจต่อสัญญาณการฟื้นตัวของเงินเฟ้อสหรัฐฯ แต่เฟดยังคงสงวนท่าทีด้วยการตอกย้ำว่าจะปรับนโยบายการเงินในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 1.07% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 14 เดือน ตามราคาพลังงานและราคาผักสดที่สูงขึ้น โดยเราคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในระยะต่อไปจะทยอยปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี แม้อัตราเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่ขอบล่างของกรอบเป้าหมายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ 1-4% ได้ในไตรมาส 2/2561 ตามที่กนง.เคยคาดไว้ แต่เชื่อว่ากนง. มีแนวโน้มที่จะรอสัญญาณการเติบโตของอุปสงค์ในประเทศให้กระจายตัวชัดเจนมากยิ่งขึ้น ก่อนจะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปลายปีนี้ โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6