เงินบาทอ่อนค่า31.55 บาทต่อดอลลาร์ฯสะท้อนเฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ 4 ครั้ง
เงินบาทวันที่ 24 เม.ย.61 อ่อนค่าระดับ 31.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ ตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯดีต่อเนื่อง สะท้อนการปรับดอกเบี้ยได้ 4 ครั้ง จับตาตัวเลขเศรษฐกิจยุโรปแย่กว่าคาด กดดันเงินยูโรอ่อนค่า แนะผู้ประกอบการป้องกันความเสี่ยง
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ระบุค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงจาก 31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ณ สิ้นวันที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นใกล้ระดับ 90.70 จุด หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีเกินคาด อาทิ ยอดขายบ้านมือสอง (Existing home sales) ในเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 1.1% จากเดือนก่อนหน้า สูงกว่าที่ตลาดมองไว้ที่ 0.2% ส่งผลให้ตลาดเริ่มมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ และอัตราเงินเฟ้อจะสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง จนทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยจาก 3 ครั้งเป็น 4 ครั้งในปีนี้ มุมมองต่อการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดดังกล่าว ทำให้บอนด์ยีลด์10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 3% อีกครั้งและหนุนให้ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าต่อเนื่อง
สำหรับวันนี้ นักวิเคราะห์ต่างมองว่า เศรษฐกิจยุโรปที่เริ่มออกมาแย่กว่าคาด อาจจะทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมัน (IFO Business Climate) ออกมาน้อยกว่าที่ตลาดคาดที่ 104.7 จุด ซึ่งสามารถกดดันให้ค่าเงินยูโรทรงตัวหรืออ่อนค่าได้ และในวันเดียวกัน ตลาดจะให้ความสนใจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ โดย Conference Board ซึ่งมีโอกาสแตะระดับ 126 จุดสะท้อนมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และอาจช่วยหนุนให้ดอลลาร์ยังคงทรงตัวในระดับสูงต่อได้
อนึ่ง ในช่วงที่ดอลลาร์กลับมาแข็งค่ากดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า ผู้ประกอบการและนักลงทุนต่างชาติควรเริ่มพิจารณาป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน เนื่องจาก ค่าเงินบาทยังคงมีโอกาสแข็งค่าได้ต่อ และแตะระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์ฯ ได้ ดังนั้น หากเงินบาทอ่อนค่าขึ้นไปมาก ก็จะเป็นโอกาสที่ดีในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน มองเงินบาทมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในช่วงกรอบ 31.50-31.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ระบุค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงจาก 31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ณ สิ้นวันที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นใกล้ระดับ 90.70 จุด หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีเกินคาด อาทิ ยอดขายบ้านมือสอง (Existing home sales) ในเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 1.1% จากเดือนก่อนหน้า สูงกว่าที่ตลาดมองไว้ที่ 0.2% ส่งผลให้ตลาดเริ่มมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ และอัตราเงินเฟ้อจะสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง จนทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยจาก 3 ครั้งเป็น 4 ครั้งในปีนี้ มุมมองต่อการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดดังกล่าว ทำให้บอนด์ยีลด์10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 3% อีกครั้งและหนุนให้ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าต่อเนื่อง
สำหรับวันนี้ นักวิเคราะห์ต่างมองว่า เศรษฐกิจยุโรปที่เริ่มออกมาแย่กว่าคาด อาจจะทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมัน (IFO Business Climate) ออกมาน้อยกว่าที่ตลาดคาดที่ 104.7 จุด ซึ่งสามารถกดดันให้ค่าเงินยูโรทรงตัวหรืออ่อนค่าได้ และในวันเดียวกัน ตลาดจะให้ความสนใจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ โดย Conference Board ซึ่งมีโอกาสแตะระดับ 126 จุดสะท้อนมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และอาจช่วยหนุนให้ดอลลาร์ยังคงทรงตัวในระดับสูงต่อได้
อนึ่ง ในช่วงที่ดอลลาร์กลับมาแข็งค่ากดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า ผู้ประกอบการและนักลงทุนต่างชาติควรเริ่มพิจารณาป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน เนื่องจาก ค่าเงินบาทยังคงมีโอกาสแข็งค่าได้ต่อ และแตะระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์ฯ ได้ ดังนั้น หากเงินบาทอ่อนค่าขึ้นไปมาก ก็จะเป็นโอกาสที่ดีในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน มองเงินบาทมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในช่วงกรอบ 31.50-31.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ
