“บล.โกลเบล็ก” มองโครงการ EEC หนุนเศรษฐกิจในประเทศฟื้น วางกรอบดัชนี 1,775-1,820 จุด

27 มี.ค. 2561 | 04:09 น.
บล.โกลเบล็ก เชื่อหุ้นไทยขานรับนโยบาย EEC หนุนเศรษฐกิจในประเทศฟื้น ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังคงจับดามองสงครามการค้าที่จะกดดันความเชื่อมั่นและตัวเลขเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยให้กรอบดัชนี 1,775-1,820 จุดด้านทองคำยังคงชะลอลง ไม่น่าจะผ่านแนวต้านระดับ 1,350–1,360 ดอลลาร์ขึ้นไปได้

คุณวิลาสินี (2) (1) -27 มี.ค.61-น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ว่าที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ในวันที่ 28 มี.ค. จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม 1.5%  เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องจากปีก่อน รวมถึงนักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นในการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ(อีอีซี)และมีความชัดเจนมากขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันปิดใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีหนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน  และการทำ Window Dressing ก่อนสิ้นงวดไตรมาสที่ 1/2561

ส่วนปัจจัยที่ยังคงกดดันภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ มาจากตลาดกังวลสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ  หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อลงโทษที่จีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐ ทำให้รัฐบาลจีนออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐวงเงิน 3 พันล้านดอลลาร์  และfund flow ผันผวน ในช่วง 1 เดือนย้อนหลังนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.1 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้ คือ ในวันที่  27 มี.ค. สหรัฐ เปิดเผย ดัชนีราคาบ้าน ดัชนีการผลิต  ความเชื่อมั่นผู้บริโภค  และสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์  28 มี.ค. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน  (กนง.) ครั้งที่ 2/2561 และในวันเดียวกันสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลข GDP ในช่วง 4Q2560 ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์  29 มี.ค. อังกฤษจะเปิดเผยตัวเลข GDP ในช่วง 4Q2560 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) และสหรัฐ เปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.พ. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด ประเมินว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยกดดันจากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน  โดยมีปัจจัยหนุน คาด SET ผันผวนในกรอบ 1,775-1,820 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้นที่มีปัจจัยบวก ได้แก่ TVO ได้ประโยชน์จากส่วนต่าง (Crush margin) ที่มีโอกาสทำ New High อีกครั้งหลังจากมีกระแสความแห้งแล้งในประเทศอาร์เจนตินาซึ่งเป็นผู้ส่งออกกากถั่วเหลืองอันดับ 1 ของโลก  ซึ่งอาจทำให้มีการปรับลดคาดการณ์ผลผลิตลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 9 ปี  ขณะที่ราคาหุ้นสะท้อนความเป็น Laggard ไปเพียงบางส่วน

นอกจากนี้ ยังแนะนำซื้อเก็งกำไรในหุ้นที่คาดว่าจะเป็น target ในการทำ window dressing ได้แก่ CENTEL, TOP, TMB, CPN และ ROBINS นอกจากนี้ยังแนะนำหุ้นในตลาด MAI ได้แก่ JKN ผู้นำในการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ คาดกำไรปี 61 ยังถูกกดดันจากต้นทุนค่าลิขสิทธิ์  แต่กำไรปี 62 มีแนวโน้มเติบโตสูง 43%YoY จากการทยอยรับรู้รายได้ของยอดขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในประเทศ  และการเติบโตจากต่างประเทศ  ขณะที่ค่าใช้จ่ายค่าลิขสิทธิ์ลดลง  ประกอบกับมีต้นทุนทางการเงินที่ลดลงหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะสงครามการค้ากลับมาอีกครั้งเมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เซ็นลงนามมาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้รัฐบาลจีนตัดสินใจใช้มาตรการตอบโต้ในลักษณะเดียวกัน ซึ่งมีโอกาสที่ยุโรปจะออกมาตรการดังกล่าวด้วย หากสหรัฐฯยังคงปกป้องการค้าของตนต่อไป ส่งผลให้ bond yield สหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์ที่เพิ่งปรับตัวสูงขึ้นตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ก็ร่วงลงอีกครั้ง เนื่องจากความกังวลว่าสงครามการค้าระหว่างประเทศจะทำให้การค้าโลกหดตัวลง จึงเกิดภาวะ risk off ทำให้เงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม ตลาดทองคำมีการตอบรับไปล่วงหน้าแล้ว และภาพทางเทคนิคมีลักษณะรูปสามเหลี่ยมแบบ descending จึงคาดว่าแรงซื้อจะชะลอลง ทำให้ราคาไม่น่าจะผ่านแนวต้านระดับ 1,350–1,360 ดอลลาร์ขึ้นไปได้ และต้องระวังการขายทำกำไร เนื่องจากราคาปรับขึ้นชนแนวต้านดังกล่าว

ทั้งนี้ แนะนำผู้มีสถานะ long ให้ปิดสถานะทำกำไร และ trading short เมื่อหลุด 1,345 ดอลลาร์ เพื่อเก็บกำไรในจังหวะที่ราคาย่อลง ส่วนพอร์ตระยะกลางถึงยาวให้ซื้อสะสมเมื่อราคาลงมาใกล้ 1,310 ดอลลาร์ ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว