นัดกล่อมเจ้าหนี้เอิร์ธ ก่อนโหวตรับแผน30เม.ย.-ยื่นขอรับชำระหนี้1.45แสนล.

25 มี.ค. 2561 | 04:54 น.
บริษัทผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ “เอิร์ธ”นัดเคลียร์ประเด็น กล่อมเจ้าหนี้ปลายเดือนมีนาคม ก่อนประชุมลงคะแนน 30 เมษายน ระบุคำขอรับชำระหนี้กว่า 1.45 แสนล้านบาท จาก 2,433 ราย ด้านแบงก์เจ้าหนี้รอความชัดเจน “สิทธิในเหมืองถ่านหิน 2 แห่งในอินโดฯ หลัง ก.ล.ต. สั่งเปิดข้อมูลภายใน 30 วัน

ตามที่ศาลล้มละลายกลาง มีคำสั่งฟื้นฟูกิจการบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด(มหาชน) โดยมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาแต่งตั้งบริษัท อีวาย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิส จำกัด(อีวาย) เป็นผู้ทำแผนฯเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2560 ต่อมาอีวายได้นำส่งแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561 โดยได้นำส่งแผนแก่เจ้าหนี้แล้ว 2,433 ราย รวมมูลหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้ 145,005 ล้านบาท และอีก 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยกำหนดประชุมเจ้าหนี้ เพื่อพิจารณาแผนฯ ภายในวันที่ 30เมษายน 2561ณ สโมสรตำรวจ

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ได้มีหนังสือแจ้งให้เอิร์ธชี้แจงความมีอยู่จริงและมูลค่ายุติธรรมของสิทธิในเหมืองถ่านหิน 2แห่งในอินโดนีเซียและให้เปิดเผยข้อมูลผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายใน 30 วัน เนื่องจากผู้ทำแผนได้นำส่งรายงานผล Special Audit ซึ่งในรายงานระบุว่า เอิร์ธ นำเงินจ่ายล่วงหน้าและเงินจองสิทธิรวมสิน ทรัพย์อื่น มูลค่ารวม 731ล้านดอลลาร์สหรัฐฯไปแลกเปลี่ยนกับสิทธิในเหมืองถ่านหิน โดยสิทธิดังกล่าวเป็นสินทรัพย์หลักที่สำคัญต่องบการเงินของเอิร์ธและมีผลกระทบโดยตรงต่อฐานะการเงินเอิร์ธและอาจกระทบสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้น/การตัดสินใจของนักลงทุน

MP24-3350-A แหล่งข่าวจากธนาคารเจ้าหนี้แห่งหนึ่งระบุว่า รอความชัดเจนจากข้อมูลที่เอิร์ธจะแจ้งต่อก.ล.ต. ซึ่งตามแผนฟื้นฟูกิจการของเอิร์ธ พบว่า มีเจ้าหนี้ 2,433 ราย มูลหนี้รวมจากคำขอรับชำระหนี้กว่า 145,005 ล้านบาท และสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯอีก 2 แสนดอลลาร์ โดยกำหนดจะพิจารณาลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบต่อแผนฟื้นฟูกิจการ ที่ทางอีวายฯ ผู้ทำแผนได้นำส่งศาลล้มละลายกลางเมื่อวันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ เท่ากับศาลฯได้รับแผนฯจากอีวายเป็นวันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และศาลล้มละลายกลางกำหนดให้มีการประชุมเจ้าหนี้ในวันที่ 30 เมษายน 2561 ณ สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี

“ฐานเศรษฐกิจ”สอบถามไปยังสำนักงานฟื้นฟูกิจการลูกหนี้ กรมบังคับคดี โดยแหล่งข่าวระบุว่า ขณะนี้ได้นำส่งแผนฟื้นฟูกิจการไปยังเจ้าหนี้ทุกรายแล้ว แต่ไม่ทราบรายละเอียดของแผนฯ แต่ในวันประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาแผนนั้น ทุกคนจะรับทราบในรายละเอียดของแผนฟื้นฟูกิจการ โดยเฉพาะเจ้าหนี้ทุกราย เพราะทุกคนต้องมีข้อมูลในการตัดสินใจลงคะแนนเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบแผนฯดังกล่าว

ส่วนแหล่งข่าวอีกรายจากสถาบันการเงินเจ้าหนี้กล่าวว่า ผู้ทำแผนคือ อีวายได้นัดประชุมหารือกับเจ้าหนี้ระหว่างวันที่ 21-23 มีนาคม 2561 ซึ่งเป็นการประชุมเจ้าหนี้รวมกันทั้งหมด เนื่องจากส่วนใหญ่เจ้าหนี้ยังมีคำถามหรือประเด็นที่ยังไม่ได้รับความชัดเจน โดยที่ทางอีวายได้จัดให้มีการประชุม โดยส่วนตัวเข้าใจว่า น่าจะเป็นการนัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อรวบรวมคำถามจากเจ้าหนี้ทุกราย เพื่อนำไปพิจารณาและจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการให้สอดคล้องกับตอบข้อถามของบรรดาเจ้าหนี้ เพราะหากอีวายเสนอแผนฟื้นฟูกิจการโดยที่เจ้าหนี้ไม่เห็นชอบถือว่า เจ้าหนี้ไม่ยอมรับแผนฯ ซึ่งในหลักการอีวายต้องสรุปรายละเอียดของแผนฯให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ01-3-1 ทั้งนี้ “อีวาย” ผู้ทำแผนฯรายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2561 ว่า ตามกฎหมายเจ้าหนี้ทุกรายของบริษัทที่มีภาระหนี้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการจะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลา 1 เดือนนับจากวันที่ประกาศโฆษณาคำสั่งแต่งตั้งผู้ทำแผนในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งปรากฏเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้รวม 2,433 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 152,518,232,670.07 บาท ซึ่งหนี้ดังกล่าวประกอบด้วย หนี้สถาบันการเงิน หนี้ตั๋วแลกเงิน หนี้หุ้นกู้ หนี้คํ้าประกันการชำระหนี้ของบริษัทที่มีต่อสถาบันการเงิน หนี้ค่าเสียหาย และหนี้การค้าอื่นๆ

โดยเจ้าหนี้หลายรายไม่ปรากฏอยู่ในบัญชีและงบการเงินของบริษัทอีวายจึงยื่นคำโต้แย้งคัดค้านคำขอรับชำระหนี้ดังกล่าว ต่อมาวันที่ 22 มกราคม 2561 ทางอีวายได้แก้ไขข้อเท็จจริง หนี้ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้มิใช่เป็นภาระหนี้ตามสิทธิของผู้คํ้าประกันในฐานะเจ้าหนี้ลำดับ 2 ใช้สิทธิยื่นคำขอรับฯตามพระราชบัญญัติล้มละลาย 2475 รวม 6 ราย มูลหนี้ประมาณ 123,472 ล้านบาท ในกระบวนการฟื้นฟูฯเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องพิจารณาตรวจสอบสถานะหนี้ดังกล่าว ถ้าหากสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ลำดับแรกได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้แล้ว เจ้าหนี้ผู้คํ้าประกันทั้ง 6รายจะไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ดังกล่าวแต่อย่างใด

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,350 วันที่ 22 - 24 มีนาคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว