“อาร์เอส” ทุ่ม 100 ล้านมุ่ง R&D บุกหนักกลุ่มเฮลท์แอนด์บิวตี้
“อาร์เอส” สยายปีกสู่ธุรกิจเฮลท์แอนบิวตี้ ทุ่มงบ 100 ล้านบาทผนึกพันธมิตรทั้งไทยและต่างประเทศ วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ป้อนตลาดต่อเนื่อง
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อรองรับกระแสการเติบโตก้าวก ระโดดของสินค้ากลุ่มสุขภาพและคว ามงาม (Health and Beauty) บริษัทจึงดำเนินการค้นคว้าวิจัยและพัฒ นา (Research and Development) อย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพและความงาม โดยเตรียมทุ่มงบ 100 ล้านบาท ร่วมกับพันธมิตรและหน่วยงานวิจัยระดับโลก พัฒนานวัตกรรมผลิตสินค้าคุณภาพสูงตอบโจทย์ลูกค้า ทั้งกลุ่ม Skin Care ภายใต้แบรนด์ Magique, กลุ่ม Hair Care ภายใต้แบรนด์ Revive และกลุ่ม Food Supplement ภายใต้แบรนด์ S.O.M.
ล่าสุดได้จับมือ 3 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการ R&D ที่ได้มาตรฐานสากลเป็นพันธมิตรร่วมค้นคว้าวิจัยและพัฒนานวัตกรรมประกอบด้วย 1.กลุ่มเฮิร์บ พลัส ผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้านสมุนไพร อาทิ โสมเกาหลี, ตังกุย, อะเซโรลา เชอรี่, โกจิเบอรี่ ฯลฯ 2. AstaReal Group บริษัทจากประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้บุกเบิกและผู้เชี่ยวชาญด้าน R&D สาหร่ายสีแดงสายพันธุ์ฮีมาโตค็ อคคัส พลูวิเอลิส จากต้นกำเนิดสแกนดิเนเวีย มาเพาะเลี้ยงในระบบปิดและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
3.บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล แลบบอราทอรีส์ จำกัด ผู้ผลิตสกินแคร์แบรนด์ชื่อดังที่ได้มาตรฐานระดับโลก ได้ทำ R&D นำสารสกัดจากสาหร่ายหิมะสีแดงบน เทือกเขาแอลป์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มาเป็นผลิตภัณฑ์ฟื้นบำรุงคอลลาเจน ริ้วรอย
ทั้งนี้ ตั้งเป้าปี 2561 มีรายได้กลุ่มธุรกิจสุขภาพความงามและพาณิชย์ (Health&Beauty and Commerce) 3,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นธุรกิจที่เติบโตก้าวกระ โดดสูงถึง 150% จากปีก่อน คิดเป็นสัดส่วน 65% ของรายได้รวมกลุ่มอาร์เอส 5,800 ล้านบาท เพราะได้รับอานิสงค์จากการมุ่งเ น้นค้นคว้าวิจัยและพัฒนาสินค้าชู นวัตกรรมตามที่กล่าวข้างต้น และการใช้ 3 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย 1.Diversity มีแผนเพิ่มสินค้าสุดยอดคุณภาพใหม่ๆ อีกจำนวนมากตลอดทั้งปี จากปัจจุบัน 37 รายการ รวมเป็น 75 รายการ และยกขบวนสินค้ากลุ่มใหม่ๆ เข้าทำตลาด ทำให้เพิ่มความหลากหลายและเข้าถึ งกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ได้แก่ กลุ่มอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ กลุ่มลีฟวิ่ง (Living) กลุ่มจิวเวอรี่ (Jewelry) กลุ่มเครื่องประดับ (Accessories) มาจำหน่าย ซึ่งคาดว่าจะประสบความสำเร็จเกิ นความคาดหมายเช่นเดียวกันกับกลุ่มเครื่องครัวและกลุ่มสลิม แวร์ 2.Up&Cross Selling ได้พันธมิตรธุรกิจนำเสริมทัพสิน ค้าอื่นๆ ช่วยสร้างยอดขายเติบโต และ 3.Database ฐานข้อมูลมี ประสิทธิภาพสูงทำให้เพิ่มโอกาสส ร้างยอดขาย
สำหรับช่องทางจัดจำหน่ายบริษัทพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพสูงสุดยิ่งขึ้น ล่าสุดได้เพิ่มจำนวน Call Center โทร.1781 รวมทั้งขยายเจ้าหน้าที่ดูแล www.shop1781.com และแอพพลิเคชั่น LINE @Shop1781 บน LINE SHOP มากขึ้น ซึ่งมีฐานลูกค้าอยู่ในมือแล้วกว่ า 8.5 แสนราย และคาดว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 1.5 ล้านราย
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อรองรับกระแสการเติบโตก้าวก ระโดดของสินค้ากลุ่มสุขภาพและคว ามงาม (Health and Beauty) บริษัทจึงดำเนินการค้นคว้าวิจัยและพัฒ นา (Research and Development) อย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพและความงาม โดยเตรียมทุ่มงบ 100 ล้านบาท ร่วมกับพันธมิตรและหน่วยงานวิจัยระดับโลก พัฒนานวัตกรรมผลิตสินค้าคุณภาพสูงตอบโจทย์ลูกค้า ทั้งกลุ่ม Skin Care ภายใต้แบรนด์ Magique, กลุ่ม Hair Care ภายใต้แบรนด์ Revive และกลุ่ม Food Supplement ภายใต้แบรนด์ S.O.M.
ล่าสุดได้จับมือ 3 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการ R&D ที่ได้มาตรฐานสากลเป็นพันธมิตรร่วมค้นคว้าวิจัยและพัฒนานวัตกรรมประกอบด้วย 1.กลุ่มเฮิร์บ พลัส ผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้านสมุนไพร อาทิ โสมเกาหลี, ตังกุย, อะเซโรลา เชอรี่, โกจิเบอรี่ ฯลฯ 2. AstaReal Group บริษัทจากประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้บุกเบิกและผู้เชี่ยวชาญด้าน R&D สาหร่ายสีแดงสายพันธุ์ฮีมาโตค็ อคคัส พลูวิเอลิส จากต้นกำเนิดสแกนดิเนเวีย มาเพาะเลี้ยงในระบบปิดและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
3.บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล แลบบอราทอรีส์ จำกัด ผู้ผลิตสกินแคร์แบรนด์ชื่อดังที่ได้มาตรฐานระดับโลก ได้ทำ R&D นำสารสกัดจากสาหร่ายหิมะสีแดงบน เทือกเขาแอลป์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มาเป็นผลิตภัณฑ์ฟื้นบำรุงคอลลาเจน ริ้วรอย
ทั้งนี้ ตั้งเป้าปี 2561 มีรายได้กลุ่มธุรกิจสุขภาพความงามและพาณิชย์ (Health&Beauty and Commerce) 3,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นธุรกิจที่เติบโตก้าวกระ โดดสูงถึง 150% จากปีก่อน คิดเป็นสัดส่วน 65% ของรายได้รวมกลุ่มอาร์เอส 5,800 ล้านบาท เพราะได้รับอานิสงค์จากการมุ่งเ น้นค้นคว้าวิจัยและพัฒนาสินค้าชู นวัตกรรมตามที่กล่าวข้างต้น และการใช้ 3 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย 1.Diversity มีแผนเพิ่มสินค้าสุดยอดคุณภาพใหม่ๆ อีกจำนวนมากตลอดทั้งปี จากปัจจุบัน 37 รายการ รวมเป็น 75 รายการ และยกขบวนสินค้ากลุ่มใหม่ๆ เข้าทำตลาด ทำให้เพิ่มความหลากหลายและเข้าถึ งกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ได้แก่ กลุ่มอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ กลุ่มลีฟวิ่ง (Living) กลุ่มจิวเวอรี่ (Jewelry) กลุ่มเครื่องประดับ (Accessories) มาจำหน่าย ซึ่งคาดว่าจะประสบความสำเร็จเกิ นความคาดหมายเช่นเดียวกันกับกลุ่มเครื่องครัวและกลุ่มสลิม แวร์ 2.Up&Cross Selling ได้พันธมิตรธุรกิจนำเสริมทัพสิน ค้าอื่นๆ ช่วยสร้างยอดขายเติบโต และ 3.Database ฐานข้อมูลมี ประสิทธิภาพสูงทำให้เพิ่มโอกาสส ร้างยอดขาย
สำหรับช่องทางจัดจำหน่ายบริษัทพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพสูงสุดยิ่งขึ้น ล่าสุดได้เพิ่มจำนวน Call Center โทร.1781 รวมทั้งขยายเจ้าหน้าที่ดูแล www.shop1781.com และแอพพลิเคชั่น LINE @Shop1781 บน LINE SHOP มากขึ้น ซึ่งมีฐานลูกค้าอยู่ในมือแล้วกว่ า 8.5 แสนราย และคาดว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 1.5 ล้านราย
