ซิตี้แบงก์ลุยดิจิตอลเต็มสูบ
ซิตี้แบงก์ ประกาศ ซิตี้กรุ๊ปทุ่มงบมหาศาล พัฒนาระบบดิจิตอลทั่วโลก ภายใต้แนวคิด “Remarkable Digital Banking Experiences and Big Data” รับมือแข่งขันเดือด เผยงัด 7 ฟีเจอร์ใหม่ครอบคลุมการใช้งานครบวงจร
นางวีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มดิจิตอลที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในด้านการทำธุรกรรมการเงินมากขึ้น โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่หันไปทำธุรกรรมบนอินเตอร์เน็ตหรือโมบายแบงกิ้ง ซึ่งจากตัวเลขจะเห็นธุรกรรมบนโทรศัพท์เติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% สอดคล้องกับตัวเลขของซิตี้แบงก์ที่จำนวนลูกค้าที่ใช้บริการทางด้านสินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) และบัตรเครดิต รวมถึงลูกค้าซิตี้โกล์ด ที่ทำธุรกรรมหรือสมัครบัตรผ่านออนไลน์เติบโตกว่า 100% ผ่านโมบายแบงกิ้ง 100% และมียอดดาวน์โหลดใช้แอพ พลิเคชันสูงถึง 56%
[caption id="attachment_269604" align="aligncenter" width="336"]
วีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล[/caption]
ดังนั้น เพื่อรองรับการแข่งขันที่จะมีมากขึ้นบนกระแสดิจิตอล และรับการเติบโตของธุรกรรมบนออนไลน์ที่สูงต่อเนื่อง ธนาคารซิตี้แบงก์ และทั้งกรุ๊ป รวมกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ได้ลงทุนจำนวนเม็ดเงินมหาศาลเพื่อพัฒนาทางด้านดิจิตอล ภายใต้แนวคิด “Remarkable Digital Banking Experiences and Big Data” เพื่อให้ครอบคลุมทุกการใช้งานของลูกค้ารายย่อย ซึ่งจะมีการเรียนรู้จากทั่วโลก และนำมาใช้ในประเทศต่างๆ ถือเป็นการลงทุนเต็มรูปแบบ
“ทุกธนาคารมุ่งไปสู่ดิจิตอลกันหมด ทำให้การแข่งขันดุเดือดจะอยู่บนเทคโนโลยีบนดิจิตอล หากเราไม่ปรับตาม จะไม่ทัน จึงต้องวางแผนรองรับและรับมือ ซึ่งไม่เฉพาะในไทย แต่มีการลงทุนจากทั่วโลกในเม็ดเงินก้อนมหาศาลเพื่อหาเทคโนโลยีที่มาใช้กับลูกค้า เราเชื่อว่าเดินมาถูกทาง และสิ่งที่เราทำจะสะท้อนไปยังการเติบโตที่ดีขึ้นในแง่บัตรใหม่และยอดการใช้จ่าย”
การพัฒนาดิจิตอล ภายใต้หลักสำคัญอยู่ 4 ด้านคือ 1. Digital Acquisition เน้นการสมัครใช้ผลิตภัณฑ์ให้เป็นเรื่องง่าย เช่น เทคโนโลยีการสมัคร บัตรใบที่ 2 รวดเร็วยิ่งขึ้นผ่านฟีเจอร์ RCE หรือ Remarkable Credit Experience ที่มีการนำมาใช้ในไทยและภูมิภาคเอเชีย 2. Digital Engagement สร้างความสัมพันธ์ กับลูกค้าผ่านดิจิตอลแพลตฟอร์ม 3. Digital Payment เน้นการสร้างสรรค์และออกแบบบริการให้เหมาะสมกับการชำระเงินของลูกค้ายุคไทยแลนด์ 4.0 ผ่านเทคโนโลยี QR Payment ซึ่งซิตี้แบงก์จะเป็นรายแรกที่ใช้คิวอาร์โค้ดชำระค่าสินค้าและบริการผ่านบัตรเครดิต ทั้งบัตร VISA และ Master Card ได้จากปัจจุบันในระบบใช้ผ่านบัญชีเงินฝากพร้อมเพย์
และสุดท้าย 4.Digital Ecosystem เน้นการพัฒนาการบริการผ่านโซเชียลมีเดีย หรือ แอพพลิเคชัน โดยมีโซลูชันในทุกแพลตฟอร์มผ่าน 7 ฟีเจอร์ใหม่ รวมถึงล่าสุด ได้เปิดซิตี้เอพีไอ (Citi API) ร่วมกับพันธมิตร เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ต่อยอดฟีเจอร์ซิตี้เพย์วิทพ้อยท์ โดยลูกค้าบัตรเครดิตสามารถแลกคะแนนสะสมเป็นบัตรชมภาพยนตร์ นอกจากนี้ ยังสามารถต่อยอดการใช้งานกับองค์กรธุรกิจประเภทอื่นๆ เช่น ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ หรือด้านการท่องเที่ยว เป็นต้น
“เราเชื่อว่า จะเพิ่มยอดการดาวน์โหลดแอพพลิเคชันของลูกค้าที่มีกว่า 2 ล้านราย โดยจะเป็นบัตรเครดิต 1 ล้านราย และปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดประมาณ 56% คาดว่า สัดส่วนจะขยับเพิ่มขึ้น รวมถึงยอดการทำธุรกรรมอย่างสมํ่าเสมอ (Active) เพิ่มขึ้น จากตัวเลขลูกค้าที่เข้าใช้ตลอดในช่วง 30-90 วัน ซึ่งมีสัดส่วน 72% ซึ่งหลังจากพัฒนาระบบฟีเจอร์ใหม่ๆ คาดว่ายอดแอกทีฟจะเพิ่มขึ้น เช่น การตรวจสอบบัญชี การแบ่งยอดชำระวงเงิน หรือการแลกคะแนนสะสม”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,349 วันที่ 18 - 21 มีนาคม พ.ศ. 2561
นางวีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มดิจิตอลที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในด้านการทำธุรกรรมการเงินมากขึ้น โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่หันไปทำธุรกรรมบนอินเตอร์เน็ตหรือโมบายแบงกิ้ง ซึ่งจากตัวเลขจะเห็นธุรกรรมบนโทรศัพท์เติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% สอดคล้องกับตัวเลขของซิตี้แบงก์ที่จำนวนลูกค้าที่ใช้บริการทางด้านสินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) และบัตรเครดิต รวมถึงลูกค้าซิตี้โกล์ด ที่ทำธุรกรรมหรือสมัครบัตรผ่านออนไลน์เติบโตกว่า 100% ผ่านโมบายแบงกิ้ง 100% และมียอดดาวน์โหลดใช้แอพ พลิเคชันสูงถึง 56%
[caption id="attachment_269604" align="aligncenter" width="336"]
ดังนั้น เพื่อรองรับการแข่งขันที่จะมีมากขึ้นบนกระแสดิจิตอล และรับการเติบโตของธุรกรรมบนออนไลน์ที่สูงต่อเนื่อง ธนาคารซิตี้แบงก์ และทั้งกรุ๊ป รวมกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ได้ลงทุนจำนวนเม็ดเงินมหาศาลเพื่อพัฒนาทางด้านดิจิตอล ภายใต้แนวคิด “Remarkable Digital Banking Experiences and Big Data” เพื่อให้ครอบคลุมทุกการใช้งานของลูกค้ารายย่อย ซึ่งจะมีการเรียนรู้จากทั่วโลก และนำมาใช้ในประเทศต่างๆ ถือเป็นการลงทุนเต็มรูปแบบ
“ทุกธนาคารมุ่งไปสู่ดิจิตอลกันหมด ทำให้การแข่งขันดุเดือดจะอยู่บนเทคโนโลยีบนดิจิตอล หากเราไม่ปรับตาม จะไม่ทัน จึงต้องวางแผนรองรับและรับมือ ซึ่งไม่เฉพาะในไทย แต่มีการลงทุนจากทั่วโลกในเม็ดเงินก้อนมหาศาลเพื่อหาเทคโนโลยีที่มาใช้กับลูกค้า เราเชื่อว่าเดินมาถูกทาง และสิ่งที่เราทำจะสะท้อนไปยังการเติบโตที่ดีขึ้นในแง่บัตรใหม่และยอดการใช้จ่าย”
การพัฒนาดิจิตอล ภายใต้หลักสำคัญอยู่ 4 ด้านคือ 1. Digital Acquisition เน้นการสมัครใช้ผลิตภัณฑ์ให้เป็นเรื่องง่าย เช่น เทคโนโลยีการสมัคร บัตรใบที่ 2 รวดเร็วยิ่งขึ้นผ่านฟีเจอร์ RCE หรือ Remarkable Credit Experience ที่มีการนำมาใช้ในไทยและภูมิภาคเอเชีย 2. Digital Engagement สร้างความสัมพันธ์ กับลูกค้าผ่านดิจิตอลแพลตฟอร์ม 3. Digital Payment เน้นการสร้างสรรค์และออกแบบบริการให้เหมาะสมกับการชำระเงินของลูกค้ายุคไทยแลนด์ 4.0 ผ่านเทคโนโลยี QR Payment ซึ่งซิตี้แบงก์จะเป็นรายแรกที่ใช้คิวอาร์โค้ดชำระค่าสินค้าและบริการผ่านบัตรเครดิต ทั้งบัตร VISA และ Master Card ได้จากปัจจุบันในระบบใช้ผ่านบัญชีเงินฝากพร้อมเพย์
“เราเชื่อว่า จะเพิ่มยอดการดาวน์โหลดแอพพลิเคชันของลูกค้าที่มีกว่า 2 ล้านราย โดยจะเป็นบัตรเครดิต 1 ล้านราย และปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดประมาณ 56% คาดว่า สัดส่วนจะขยับเพิ่มขึ้น รวมถึงยอดการทำธุรกรรมอย่างสมํ่าเสมอ (Active) เพิ่มขึ้น จากตัวเลขลูกค้าที่เข้าใช้ตลอดในช่วง 30-90 วัน ซึ่งมีสัดส่วน 72% ซึ่งหลังจากพัฒนาระบบฟีเจอร์ใหม่ๆ คาดว่ายอดแอกทีฟจะเพิ่มขึ้น เช่น การตรวจสอบบัญชี การแบ่งยอดชำระวงเงิน หรือการแลกคะแนนสะสม”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,349 วันที่ 18 - 21 มีนาคม พ.ศ. 2561
