เทียบฟอร์ม‘บี-เอสยูวี’ระดับบน งบ 1 ล้านเอชอาร์-วี ซีเอ็กซ์-3 น่าสน-โตโยต้า‘ซี-เอชอาร์’ซื้อไฮบริดหรือ1.8

19 มี.ค. 2561 | 07:26 น.
โตโยต้านำ “ซี-เอชอาร์” มาอวดโฉมตั้งแต่ปลายปีที่แล้วพร้อมเปิดสิทธิ์รับจองล่วงหน้า และนับยอดสะสมถึงเดือนมกราคมที่ผ่านมาได้ตัวเลขกว่า 3,000 คัน ซึ่ง 80% เป็นสัดส่วนของรุ่นไฮบริด(เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า) โดยการส่งมอบรถให้ลูกค้าล็อตแรกจะเริ่มในเดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป

ส่วนคู่แข่งในตลาด ฮอนด้า เอชอาร์-วี ไมเนอร์เชนจ์ เพิ่งเปิดตัวที่ญี่ปุ่น ทว่าเมืองไทยในงาน “บางกอก มอเตอร์โชว์ 2018” ยังมาไม่ทัน ขณะที่มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 น่าจะมีขยับปรับโฉมเล็กๆน้อยๆ เช่นกัน

สำหรับเอชอาร์-วี ปัจจุบันทำตลาดเพียงเครื่องยนต์เดียวคือบล็อก 1.8 ลิตร ต่างจากซีเอ็กซ์-3 ที่มีเบนซิน 2.0 ลิตร กับ ดีเซล 1.5 ลิตร และซี-เอชอาร์ ที่มีทั้งไฮบริดและรุ่นเครื่องยนต์1.8 ปกติ

MP32-3349-A ตัวท็อปของเอชอาร์-วี EL ราคา 1.099 ล้านบาท โดดเด่นเป็นรายเดียวที่ให้หลังคาซันรูฟ ส่วนออพชันอื่นๆ จัดมาพอๆ กันกับซีเอ็กซ์-3 2.0SP ราคา 1.083 ล้านบาท ทั้งระบบความปลอดภัย ฟังก์ชันอำนวยความสะดวก เช่น ไฟหน้าแบบ LED ระบบ Push Start-Smart Entry แอร์อัตโนมัติ เบาะหนัง แพดเดิลชิฟต์ ตลอดจนดิสก์เบรก 2 ล้อ และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว เป็นต้น

เพียงแต่ ซีเอ็กซ์-3 จะเด่นกว่าเรื่องสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์เบนซิน ไดเรก อินเจกชัน 2.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รวมถึงช่วงล่างและการควบคุม (อัตราบริโภคนํ้ามันดูได้จากตารางประกอบ) แต่ถ้าเอาตลับเมตรมาวัดขนาดตัวถังจะพบว่า ความยาวและระยะฐานล้อ ซีเอ็กซ์-3 จะเล็กที่สุดในบรรดา 3 รุ่น

ส่วนโตโยต้าซี-เอชอาร์ ผู้มาทีหลัง จัดเต็มออพชันในไฮบริดรุ่นท็อป ทั้ง ระบบความปลอดภัยก่อนการชนระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ และเพิ่ม T-Connect Telematics ระบบเชื่อมต่อผู้ขับขี่และรถยนต์ ผ่าน Smart phone และ Apple watch พร้อมเครือข่ายศูนย์ข้อมูลอัจฉริยะ ระบบนำทาง T-Connect Telematics บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. ระบบตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์และช่วยค้นหาพิกัดในกรณีที่รถถูกโจรกรรม และสัญญาณ Wi-Fi ในรถยนต์ แต่กระนั้นราคาก็โดดไปถึง 1.159 ล้านบาท

แบนเนอร์รายการฐานยานยนต์-2 อย่างไรก็ตาม หากพิจารณารุ่นย่อยที่ราคาถูกลงมาหน่อย ในรุ่นไฮบริด Mid 1.069 ล้านบาท กับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 Mid ราคา 1.039 ล้านบาท กลับพบว่าราคาที่ต่างกันเพียง 3 หมื่นบาท มีเพียงระบบขับเคลื่อนและระบบ Connect Telematics ที่รุ่นเครื่องยนต์ปกติไม่มี

ดังนั้น ถ้าพิจารณาด้านอัตราบริโภคนํ้ามันที่จะได้จากการเป็นรถขุมพลังไฮบริด กับการเพิ่มเงิน 3 หมื่นบาทจากรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 Mid คุ้มค่าหรือไม่

สำหรับ ซี-เอชอาร์ ไฮบริดเคลมอัตราบริโภคนํ้ามันไว้ 24.4 กม./ลิตร (อ้างตามอีโคสติกเกอร์ที่ผ่านการรับรองโดย สำนักงานมาตร ฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือ สมอ.) คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อหน่วยการวิ่ง 1.12 บาท/กม.(ราคานํ้ามันแก๊สโซฮอล์95 ที่ 27.35 บาท/ลิตร) ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 แจ้งตัวเลข 15.4 กม./ลิตร คำนวณเป็นค่าใช้จ่ายต่อหน่วยการวิ่ง 1.77 บาท/กม.

กรณีเจ้าของใช้งานปกติ วิ่งจากบ้านไปที่ทำงาน แวะซื้อของกินข้าว หรือนานๆจะขับไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด เฉลี่ยๆ ใน 1 ปี คิดว่าใช้รถประมาณ 30,000 กิโลเมตร เท่ากับว่า ซี-เอชอาร์ ไฮบริด จะเสียค่านํ้ามัน 33,600 บาท (30,000 x 1.12) ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 จะต้องจ่าย 53,100 บาท

นั่นเท่ากับว่า หากใช้รถไป 2 ปี รุ่นไฮบริดจะเสียค่านํ้ามัน 67,200 บาท ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ปกติ 106,000 บาท ส่วนต่าง 39,000 บาท ถือว่าคืนทุนที่จ่ายแพงกับรุ่นไฮบริดไปแล้ว (ถ้าวิ่งมากกว่านี้ก็คืนทุนเร็วขึ้น)

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ01-3-1 ส่วนคนที่กังวลใจเรื่องระบบไฮบริด ทั้งความปลอดภัย การดูแลรักษา โตโยต้าพยายามจัดการทุกอุปสรรคด้วยการขยายเวลารับประกันคุณภาพรถใหม่เป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. พร้อมฟรีค่าแรงเช็กระยะถึง 100,000 กม. หรือ 5 ปี (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และระบบไฮบริด 5 ปี

ส่วนใครที่ห่วงราคาขายต่อ โตโยต้ายังเปิดโปรแกรมการรับประกันมูลค่ารถในอนาคต (GFV- Guarantee Future Value) เมื่อนำ ซี-เอชอาร์ ไฮบริด มาขายกับ “โตโยต้าชัวร์” ภายในปีที่ 5 จะได้ราคาเทียบเท่ากับรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร (ในราคากลางเดียวกัน) อีกด้วย

เรียกว่าโตโยต้าพยายามปิดทุกช่องโหว่ และพยายามผลักดันรุ่นไฮบริด อย่างเต็มที่ ด้วยกลยุทธ์การขายและหลังการขาย ครอบคลุมถึงราคาขายต่อ ส่วนคู่แข่งอย่าง ฮอนด้า เอชอาร์-วี ที่ฟอร์มแรงหลังเปิดตัวปลายปี 2557 ก็ครองแชมป์ตลาดเอสยูวี 3 ปีซ้อน พร้อมยอดขายสะสม 62,000 คัน และต้องรอดูว่าการไมเนอร์เชนจ์ในปีนี้จะมีทีเด็ดอะไร ขณะที่มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ที่ยอดขายอาจจะไม่เปรี้ยงปร้างเหมือน 2 รายใหญ่ แต่ก็มีสมรรถนะที่โดดเด่นมองข้ามไม่ได้เช่นกัน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,349 วันที่ 18 - 21 มีนาคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว