BMW ซีรีส์6 จีที ฉลุยทางไกล วิ่งไปไหนขอให้บอก

กลุ่มรถยนต์ระดับหรูยังเดินหน้าแตกไลน์ขยายตัวถังใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าเผลอกะพริบตานิดเดียวอาจจะงงว่ารุ่นนี้ โมเดลนั้นมาได้อย่างไร หรือขายตั้งแต่เมื่อไหร

ซีรีส์6 จีที เป็นรถตัวถังฟาสต์แบ็ก ที่เสริมทัพเข้ามาล่าสุดในอนุกรมนี้ ต่อจากตัวถัง คูเป้, แกรนด์คูเป้ และคอนเวอร์ติเบิล (เปิดประทุน)

เมืองไทยนำเข้ามาเปิดตัวช่วงปลายปีที่แล้ว ในรุ่น 630d GT M Sport กับราคาที่น่าสนใจ 4.739 ล้านบาท ซึ่งรุ่น“จีที” จะเป็นตัวถังเดียวของ “ซีรีส์6” ที่บีเอ็ม ดับเบิลยูนำเข้ามาทำตลาด ณ ตอนนี้

การพัฒนาใช้โครง สร้างพื้นฐานเดียวกับ ซีรีส์5 (G30) และมาทำตลาดแทน “ซีรีส์5 จีที” ไปเลย เพื่อความชัดเจนในการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ และง่ายต่อการขาย

โดยรุ่นใหม่ ยังใช้เทคนิคการรีดตัวถังนํ้าหนักเบาด้วยการใช้อะลูมิเนียม ร่วมกับเหล็กกล้า มาขึ้นโครงสร้างตัวรถ ซึ่งบีเอ็ม ดับเบิลยูก็ประสบความสำเร็จ ด้วยโครงสร้างและแชสซีส์ที่นํ้าหนักเบาลง 150 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับ“ซีรีส์5 จีที”

โดยรหัส จีที (GT) ที่มาจากรากฐานของรถแบบ Gran Turismo หมายถึงเป็นรถที่มีความแรงระดับหนึ่ง เหมาะวิ่งทางไกลใช้ความเร็วสูง พร้อมความสามารถในการบรรทุกสัมภาระ ซึ่งคู่แข่งที่ชนกันเต็มๆน่าจะเป็น “ปอร์เช่ พานาเมร่า” นั่นละครับ

ดังนั้นเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบ 265 แรงม้า จึงถูกประจำการอยู่ใต้ฝากระโปรงหน้า และส่งกำลังสู่ล้อหลังอย่างขมีขมันด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.

พละกำลังจัดจ้าน คึกคักได้ตลอดเวลาที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย เสียงเครื่องยนต์ดีเซลยังเล็ดลอดเข้ามาน้อย หรือได้ยินเสียงครํ่าครวญบ้าง ช่วงกระหนํ่าคันเร่งหนักๆ แต่เชื่อเถิดครับมันก็ไม่ได้เป็นเสียงที่ไพเราะหรือกระตุ้นอารมณ์สักเท่าไหร
ด้วยตัวถังแบบฟาสต์แบ็ก ความยาวเกือบ 5.1 เมตร ที่อาจจะถูกตั้งคำถามถึงการทรงหรือแรงกดด้านหลังเพราะตอนที่ผมลองขับ “ซีรีส์3 จีที” ความเทอะทะที่ต่างจากตัวซีดาน ก็ออกอาการให้เห็น โดยสัมผัสได้เมื่อใช้ความเร็วสูงและช่วงเข้าโค้ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็น “ซีรีส์6 จีที” กลับพบว่า ช่วงล่าง และเสถียรภาพการทรงตัว เนียนกว่าที่คิด(เมื่อเทียบกับ ซีรีส์5 ซีดาน) การถ่ายเทนํ้าหนักหน้า-หลัง สร้างความสมดุลได้ดี ขณะเดียวกันยังพยายามออกแบบทิศทางไหลผ่านของอากาศให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

โดยบีเอ็มดับเบิลยู เพิ่มฟังก์ชันอย่างระบบควบคุมกระจังหน้าอัจฉริยะ (active air stream kidney grille) ซึ่งกระจังหน้าสามารถปิดได้เองเมื่อต้องการความลู่ลม แต่ก็จะเปิดกลับมาให้อัตโนมัติเมื่อต้องการระบายความร้อนในห้องเครื่องยนต์ ตลอดจนระบบสปอยเลอร์หลังยกตัวอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มแรงกดด้านท้าย เมื่อขับความเร็ว 120 กม./ชม. ขึ้นไปหรือมีปุ่มสั่งงานให้คนขับเลือกเปิดแช่ไว้เลยก็ได้

ส่วนช่วงล่างในภาพรวมถือว่ารองรับแรงสะเทือนจากพื้นถนนได้เนียนพอสมควร ทว่าช่วงผ่านเนินลูกระนาด หรืออุปสรรคแข็งๆด้วยความเร็วระดับหนึ่ง อาจจะสัมผัสถึงแรงกระแทกที่กระทำกับล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ประกบยางรันแฟลต ได้เช่นกัน

ภายในห้องโดยสาร ปิดกั้นเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี หรือเกือบๆจะเงียบกริบถ้าไม่เปิดเครื่องเสียง ทั้งยังกว้างขวางนั่งสบาย พร้อมความสามารถในการบรรทุกสัมภาระด้านหลัง 610 ลิตร และถ้าพับเบาะนั่งแถว 2 ลงมา (ปรับได้ 3 ส่วน แบบ40:20:40) จะเพิ่มพื้นที่ตรงนี้เป็น 1,800 ลิตร

ขณะที่ออพชันเด่นๆก็ยกมาจาก ซีรีส์5 ทั้ง ระบบ iDrive พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ระบบการสั่งงานด้วยเสียง และระบบการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือ (BMW gesture control) ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ รวมถึงกุญแจรีโมตแบบมีจอแสดงผล เอาไว้คอยตรวจสอบสถานะต่างๆของรถและสั่งให้เปิดระบบแอร์ทิ้งไว้ล่วงหน้าได้
ด้านอัตราบริโภคนํ้ามัน การลองขับทางไกลใช้มอเตอร์เวย์ความเร็ว 110-120 กม./ชม. วิ่งเรื่อยๆ ทางตรงๆ ยังเห็นตัวเลขระดับ 15 กม./ลิตร

รวบรัดตัดความ... 630d GT M Sport เป็นรถที่เหมาะสมสุดๆกับการวิ่งทางไกล ด้วยเครื่องยนต์พลังแรง ขับสบายไม่เครียด การทรงตัวนิ่งแน่น พร้อมความอเนก ประสงค์สามารถบรรทุกคน ขนสัมภาระได้เพียบ แต่ถ้าจะมีสิ่งที่ขาดหายไปบ้างเมื่อเทียบกับพวกเอสยูวี ก็คือ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive ด้วยค่าตัวเกือบๆ 5 ล้านบาท แม้ในตลาดจะมีทางเลือกเพียบ ทว่า “ซีรีส์6 จีที” จะได้ความโดดเด่นเฉพาะตัว และดูทันสมัยไปอีกแบบ

เทสต์ไดรฟ์ : กรกิต กสิคุณ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,343 วันที่ 25 - 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561