BAYลั่นปีนี้ สินเชื่อธุรกิจ ขยายตัว8%

24 ก.พ. 2561 | 10:30 น.
กรุงศรีอยุธยาตั้งเป้าสินเชื่อธุรกิจโต 6-8% จากพอร์ต 6.52 แสนล้านบาท เน้นเพิ่มโซลูชัน-ดึงเทคโนโลยีช่วยลูกค้าลงทุนในและต่างประเทศ เล็งขยับพอร์ตเอสเอ็มอีเป็น 18-20% ใน 2-3 ปี ด้านเงินฝากขอโต 6-8%

นายพรสนอง ตู้จินดา ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้าธุรกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) เปิดเผยว่า เป้าหมายของกลุ่มลูกค้าธุรกิจในปี 2561 ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อธุรกิจโต 6-8% จากยอดสินเชื่อคงค้างกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ณ สิ้นปี 2560 ที่มีอยู่ทั้งสิ้น 6.52 แสนล้านบาท แบ่งเป็น พอร์ตสินเชื่อคงค้างลูกค้าบริษัทไทยขนาดใหญ่อยู่ที่ 4.31 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 28% และพอร์ตสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) อยู่ที่ 2.21 แสนบ้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 14%

Khun Pornsanong_03 อย่างไรก็ตามในปีนี้ธนาคารจะเน้นเติบโตในกลุ่ม เอสเอ็มอีมากกว่ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ โดยจะขยายทั้งในกลุ่มธุรกิจขนาด S และ M ซึ่งจะนำเครื่องมือเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกลูกค้าและพนักงานลูกค้าสัมพันธ์ (RM) ให้ทำงานมากขึ้น และลูกค้าสามารถบริหารจัดการทางด้านการเงินคล่องขึ้น โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไปได้ดี จะเป็น อุตสาหกรรมค้าปลีก ท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น

ทั้งนี้ธนาคารต้องการเห็นภายใน 2-3 ปี สัดส่วนพอร์ตสินเชื่อขยับจากปัจจุบัน 14% เป็น 18-20% โดยในปีนี้สินเชื่อเอสเอ็มอีน่าจะขยายตัวมากกว่า 6-7%

ส่วนสินเชื่อขนาดใหญ่ จะเน้นเรื่องการให้โซลูชัน จากเดิมที่เน้นเรื่องของสินเชื่ออย่างเดียว แต่หลังจากนี้จะเน้นเงินทุน การให้คำปรึกษา และหาพันธมิตร หรือออกไปซื้อกิจการต่างประเทศ เช่น ลูกค้าขนาดใหญ่มากๆออกไปต่างประเทศ ส่วนลูกค้าขนาดใหญ่กลางๆ จะเน้นขยายกิจการในภูมิภาค เช่น ลูกค้าขาเข้ามา จะเป็นลูกค้าญี่ปุ่น ฮ่องกง และจีน ที่เข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ส่วนขาออกจะเป็นการลงทุนในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น เป็นต้น

แบนเนอร์รายการฐานยานยนต์ ขณะที่เงินฝากตั้งเป้าโต 6-8% จากยอดเงินฝากคงค้างสิ้นปี 2560 อยู่ที่ 2.51 แสนล้านบาท แบ่งเป็น เงินฝากลูกค้าบริษัทขนาดใหญ่ 1.37 แสนล้านบาท และเงินฝากลูกค้าเอสเอ็มอี 1.14 แสนล้านบาท

สำหรับคุณภาพสินเชื่อหรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ถือว่าค่อนข้างดี โดยตํ่ากว่าระบบ และคาดว่าแนวโน้มเอ็นพีแอลคงไม่สูงกว่านี้ เนื่องจากทิศทางเศรษฐกิจขยายตัวลูกค้าสามารถทำธุรกิจได้ดีขึ้น ประกอบกับการเติบโตของสินเชื่อที่ดีขึ้น ทำให้แนวโน้มเอ็นพีแอลดีน่าจะปรับตัวดีขึ้น

“ลูกค้าเราโกอินเตอร์หมดแล้ว ดังนั้นการทำธุรกิจจะต้องปรับโฉมธุรกิจด้วย จากเดิมที่ให้สินเชื่อ ทำธุรกรรม FX แต่ตอนนี้เราต้องใช้เครือข่ายที่มีอยู่นอกจากให้สินเชื่อ แต่ต้องให้คำปรึกษาและหาพาร์ตเนอร์ในการลงทุนต่างประเทศ หันมาเน้นเรื่อง Fee Base Income แม้ว่าวันแรกจะไม่ได้ค่าธรรมเนียม แต่มองในระยะยาว ลูกค้าจะใช้เราเป็นธนาคารหลัก”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,342 วันที่ 22 - 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว