สรรพสามิตเล็งเก็บภาษีมอเตอร์ไซด์จากระดับ CO2หวังลดมลพิษ
สรรพสามิตเล็งเก็บภาษีมอเตอร์ไซด์จากระดับ CO2หวังลดมลพิษสิ่งแวดล้อม
นายกฤษฎา จีระวิจารณะ อธิบดี กรมสรรพสามิต เผยว่า กรมฯอยู่ระหว่างพิจารณาจัดเก็บภาษีรถจักรยานยนต์ ภาษีสิ่งแวดล้อม เพื่อขยายฐานการจัดเก็บภาษีมากขึ้น โดยจะนำเรื่องมลภาวะที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมมาเป็นตัววัด ซึ่งจะจัดเก็บจากระดับการปล่อยคาร์บอนไดออกไซต์(CO2) เหมือนๆกับการจัดเก็บภาษีรถยนต์ ที่ใครที่ปล่อย CO2 มากก็จะเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่า เพราะในหลักการใครที่ก่อมลพิษ ก็ควรที่จะเป็นผู้รับผิดชอบภาษีนั้นด้วย เพื่อเป็นการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นน้ำ อากาศ และขยะอิเล็กทรอนิกส์
“สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเคยร่างกฎหมายเรื่อง เครื่องมือเศรษฐศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเราจะไปดูว่ากรมสรรพสามิตสามารถทำอะไรได้บ้างภายใต้ร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งมีอยู่แล้วไม่ต้องร่างกฎหมายขึ้นมาใหม่ เพียงแต่มาดูว่าเราต้องมีมาตรการอะไร เพื่อไม่ใช้เป็นค่าใช้จ่ายด้านงบประมาณมาจัดการในเรื่องนี้”
ส่วนกรณีที่ผู้ผลิตบุหรี่ได้ออกแบรนด์ใหม่ ขายในราคา 60 บาท เพื่อเลี่ยงการจัดเก็บภาษียาสูบ ในอัตราที่สูงว่า เป็นเรื่องกลยุทธ์ทางการตลาดของผู้ผลิต อย่างกรณีที่โรงงานยาสูบออกแบรนด์ใหม่นั้น ก็ต้องดูว่าส่วนแบ่งการตลาดกลับมาหรือไม่ การจัดเก็บภาษีที่แบ่งเป็น 2 ระดับในช่วง 2 ปีแรกภายใต้กฎหมายใหม่นั้น มาถูกทางหรือไม่ หรือจะต้องปรับให้เหลือระดับเดียวกัน ไม่ต้องมี 2 ระดับแล้ว ปัจจัยเหล่านี้ ต้องใช้เวลาประเมินอีกระยะหนึ่ง เพราะที่จริงก็เหลือเพียง 1 ปีเศษๆที่ทุกคนจะต้องไปเสียภาษีในอัตราเดียวกันคือ 40% ก็อาจจะไม่ต้องดำเนินการอะไรเพิ่มเติมก็ได้ เพราะอะไรที่เปลี่ยนแปลงก็ต้องค่อยๆขับเคลื่อนกันไป ต้องดูเหตุผลหลายๆอย่างด้วย
สำหรับการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 ยังคงเกินเป้าหมายประมาณ 1 พันล้านบาท โดยภาษีที่จัดเก็บได้ดีเกินเป้าหมายคือ ภาษีรถยนต์ที่ตลาดฟื้นตัวขึ้นรวมถึงภาษีสุราที่ดีขึ้น ขณะที่ภาษีเบียร์ ยาสูบ และน้ำมันจะทรงตัว เพราะการบริโภคลดลงรถยนต์ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และภายหลังการจัดเก็บภาษีสุรา ยาสูบเพิ่มอีก 2% เพื่อนำส่งรายได้ให้กับกองทุนผู้สูงอายุ ตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านไม่ได้ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นเพราะหากคิดเป็นเม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นไม่ถึง 20 สตางค์เท่านั้น ดังนั้นผู้ประกอบการจึงเลือกที่จะรับภาระเอง เพื่อรักษาฐานลูกค้าไว้
ส่วนการจับกุมสุราที่ไม่มีแสตมป์ภาษีที่จ.ราชบุรี ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในโลกออนไลน์นั้น นายกฤษฎากล่าวว่า เป็นการขยายผลจากการจับร้านค้าที่จำหน่ายไพ่ โดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้น พบว่า มีการจำหน่ายสุรา โดยไม่มีแสตมป์ภาษี 9 ขวด จึงปรับไปตามขั้นตอน ซึ่งร้านดังกล่าวเป็นร้านค้ามีใบอนุญาตจำหน่ายสุรา จากกรมสรรพสามิต แต่เมื่อมีสุรา ที่ไม่มีสแตมป์ก็ถือว่า มีความผิดด้วย
“เรามีหมายค้น เพราะเป็นการขยายผลจากไพ่ ไม่ได้ไปบุกค้นบ้านชาวบ้านธรรมดา เพราะไม่สามารถทำได้อยู่แล้วดังนั้น ชาวบ้านทั่วไปไม่ต้องห่วงในเรื่องนี้ว่า สรรพสามิตจะไปบุกค้นบ้านใครก็ได้”นายกฤษฎากล่าว
นายกฤษฎา จีระวิจารณะ อธิบดี กรมสรรพสามิต เผยว่า กรมฯอยู่ระหว่างพิจารณาจัดเก็บภาษีรถจักรยานยนต์ ภาษีสิ่งแวดล้อม เพื่อขยายฐานการจัดเก็บภาษีมากขึ้น โดยจะนำเรื่องมลภาวะที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมมาเป็นตัววัด ซึ่งจะจัดเก็บจากระดับการปล่อยคาร์บอนไดออกไซต์(CO2) เหมือนๆกับการจัดเก็บภาษีรถยนต์ ที่ใครที่ปล่อย CO2 มากก็จะเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่า เพราะในหลักการใครที่ก่อมลพิษ ก็ควรที่จะเป็นผู้รับผิดชอบภาษีนั้นด้วย เพื่อเป็นการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นน้ำ อากาศ และขยะอิเล็กทรอนิกส์
“สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเคยร่างกฎหมายเรื่อง เครื่องมือเศรษฐศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเราจะไปดูว่ากรมสรรพสามิตสามารถทำอะไรได้บ้างภายใต้ร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งมีอยู่แล้วไม่ต้องร่างกฎหมายขึ้นมาใหม่ เพียงแต่มาดูว่าเราต้องมีมาตรการอะไร เพื่อไม่ใช้เป็นค่าใช้จ่ายด้านงบประมาณมาจัดการในเรื่องนี้”
ส่วนกรณีที่ผู้ผลิตบุหรี่ได้ออกแบรนด์ใหม่ ขายในราคา 60 บาท เพื่อเลี่ยงการจัดเก็บภาษียาสูบ ในอัตราที่สูงว่า เป็นเรื่องกลยุทธ์ทางการตลาดของผู้ผลิต อย่างกรณีที่โรงงานยาสูบออกแบรนด์ใหม่นั้น ก็ต้องดูว่าส่วนแบ่งการตลาดกลับมาหรือไม่ การจัดเก็บภาษีที่แบ่งเป็น 2 ระดับในช่วง 2 ปีแรกภายใต้กฎหมายใหม่นั้น มาถูกทางหรือไม่ หรือจะต้องปรับให้เหลือระดับเดียวกัน ไม่ต้องมี 2 ระดับแล้ว ปัจจัยเหล่านี้ ต้องใช้เวลาประเมินอีกระยะหนึ่ง เพราะที่จริงก็เหลือเพียง 1 ปีเศษๆที่ทุกคนจะต้องไปเสียภาษีในอัตราเดียวกันคือ 40% ก็อาจจะไม่ต้องดำเนินการอะไรเพิ่มเติมก็ได้ เพราะอะไรที่เปลี่ยนแปลงก็ต้องค่อยๆขับเคลื่อนกันไป ต้องดูเหตุผลหลายๆอย่างด้วย
สำหรับการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 ยังคงเกินเป้าหมายประมาณ 1 พันล้านบาท โดยภาษีที่จัดเก็บได้ดีเกินเป้าหมายคือ ภาษีรถยนต์ที่ตลาดฟื้นตัวขึ้นรวมถึงภาษีสุราที่ดีขึ้น ขณะที่ภาษีเบียร์ ยาสูบ และน้ำมันจะทรงตัว เพราะการบริโภคลดลงรถยนต์ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และภายหลังการจัดเก็บภาษีสุรา ยาสูบเพิ่มอีก 2% เพื่อนำส่งรายได้ให้กับกองทุนผู้สูงอายุ ตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านไม่ได้ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นเพราะหากคิดเป็นเม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นไม่ถึง 20 สตางค์เท่านั้น ดังนั้นผู้ประกอบการจึงเลือกที่จะรับภาระเอง เพื่อรักษาฐานลูกค้าไว้
ส่วนการจับกุมสุราที่ไม่มีแสตมป์ภาษีที่จ.ราชบุรี ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในโลกออนไลน์นั้น นายกฤษฎากล่าวว่า เป็นการขยายผลจากการจับร้านค้าที่จำหน่ายไพ่ โดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้น พบว่า มีการจำหน่ายสุรา โดยไม่มีแสตมป์ภาษี 9 ขวด จึงปรับไปตามขั้นตอน ซึ่งร้านดังกล่าวเป็นร้านค้ามีใบอนุญาตจำหน่ายสุรา จากกรมสรรพสามิต แต่เมื่อมีสุรา ที่ไม่มีสแตมป์ก็ถือว่า มีความผิดด้วย
“เรามีหมายค้น เพราะเป็นการขยายผลจากไพ่ ไม่ได้ไปบุกค้นบ้านชาวบ้านธรรมดา เพราะไม่สามารถทำได้อยู่แล้วดังนั้น ชาวบ้านทั่วไปไม่ต้องห่วงในเรื่องนี้ว่า สรรพสามิตจะไปบุกค้นบ้านใครก็ได้”นายกฤษฎากล่าว
