ต่างชาติชี้ไทยน่าลงทุน บิ๊ก‘เสริมสุข-อิเกีย-นาโอส’ลุยขยายธุรกิจต่อเนื่อง

22 ก.พ. 2561 | 05:41 น.
จับตายักษ์ต่างชาติยกไทยแข็งแกร่งสุดในอาเซียน มั่นใจศักยภาพไทย “เสริมสุข-อิเกีย-นาโอส” ยํ้าพร้อมเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องในกลุ่ม FMCG /รีเทล/อสังหาฯ/ความงาม

การเข้ามาลงทุนของนักธุรกิจต่างชาติ ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้สภาพเศรษฐกิจไทยเติบโต ขณะที่เสถียรภาพของประเทศไทยยังขึ้นอยู่กับปัจจัยรอบด้านทั้งเรื่องของการเมือง การส่งออก รวมถึงนโยบายด้านการเงิน การคลัง แต่วันนี้ “นักธุรกิจต่างชาติ” ต่างตบเท้าออกมาประกาศถึงความพร้อมในการลงทุนต่อเนื่อง เพราะมองเห็นศักยภาพของประเทศไทยในด้านต่างๆ ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG : Fast Moving Consumer Goods) ธุรกิจค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ และความงาม

โดยนายเลสเตอร์ เต็ก ชวน ตัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายนํ้าดื่มคริสตัล เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในฐานะชาวต่างชาติที่เข้ามาบริหารงานในประเทศไทยมองว่าไทยถือเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ทั้งในสภาพเศรษฐกิจโดยรวมและกำลังซื้อ ความรู้ความเข้าใจในตัวสินค้าของประชาชน ขณะเดียวกันยังเป็นประเทศที่ตั้งอยู่กึ่งกลางภูมิภาคอาเซียนซึ่งถือเป็นทำเลที่เหมาะสม และเป็นประเทศที่น่าเข้ามาลงทุนและดำเนินธุรกิจมากที่สุด

“ประชาชนชาวไทยมีกำลังซื้อมากกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน และมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องแบรนด์ เทคโนโลยีต่างๆ และพร้อมที่จะจับจ่ายสินค้าที่มีคุณภาพ เพื่อรองรับความต้องการรวมถึงอำนวยความสะดวกสบายในด้านต่างๆ จึงมองว่าในปีนี้ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่น่าลงทุนมากที่สุดในกลุ่มซีแอลเอ็มวี”

MP36-3341-A ทั้งนี้ปัจจุบันนํ้าดื่มแบรนด์คริสตัลเน้นขายในประเทศไทยเกือบทั้งหมด โดยมีโรงงานการผลิตทั้งสิ้น 12 แห่งในประเทศ มีกำลังการผลิตที่ 1,200 ล้านลิตรต่อปี และมีพนักงานกว่า 8,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นการจ้างงานให้แก่พนักงานในพื้นที่ และช่วยให้เกิดการจ้างงาน เกิดเป็นรายได้หมุนเวียนภายในประเทศ นอกจากนี้ยังมีการดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อสังคมให้เกิดประโยชน์มากที่สุด นั่นคือจุดสำคัญที่บริษัทให้ความสำคัญ

ขณะที่แผนงานเพื่อรองรับการเติบโตและรุกตลาดของบริษัทในปีนี้ได้เตรียมขยายโรงงานผลิต นํ้าดื่มคริสตัลแห่งที่ 13 ในเขตภาคเหนือ ภายใต้งบลงทุน 350 ล้านบาท ควบคู่กับการสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์มากยิ่งขึ้น ด้วยการนำเสนอกิจกรรมการตลาดและกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ให้ความสำคัญด้านคุณภาพของสินค้า การจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ รองรับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ต้องการบริโภคน้ำดื่มที่ได้มาตรฐานและมั่นใจได้ในคุณภาพ ได้อย่างรวดเร็วทันความต้องการายใต้แนวคิด “สั่งนํ้าดื่ม เจาะจงคริสตัล” เพื่อตอกยํ้าความแตกต่างของคริสตัลที่มีคุณภาพสูงจากแบรนด์นํ้าดื่มอื่นๆ ทั่วไป ด้วยการจัดเต็มทั้งกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้บริโภครักและดูแลสุขภาพมากขึ้นทั้งกิจกรรมออนกราวด์และกิจกรรมออนไลน์ โดยวางเป้าหมายครองส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มเป็น 25% จากปัจจุบันที่มีอยู่ 20%

ด้านนายคริสเตียน โอลอฟสัน ผู้อำนวยการศูนย์การค้าและโครงการมิกซ์ยูส อิเกีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจค้าปลีกและการบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์มากว่า 20 ปี กล่าวว่า การเป็นผู้บริหารที่ดูแลธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอิเกียตั้งอยู่ใน 3 ประเทศได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซียและไทย ทำให้เห็นถึงสภาพเศรษฐกิจและศักยภาพของแต่ละประเทศ โดยเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงสุด เพราะมีความพร้อมด้านระบบสาธารณูปโภคครบครัน สามารถตอบโจทย์ด้านการลงทุนและการเติบโตของธุรกิจได้ในอนาคต

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก

 

“หากมองด้านการลงทุนในช็อปปิ้ง เซ็นเตอร์ ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง เห็นได้จากการที่รัฐบาลให้ความสำคัญและลงทุนด้านอินฟราสตรักเจอร์ต่างๆ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมและพัฒนาให้นักธุรกิจสามารถดำเนินกิจการได้เป็นอย่างดี และจะส่งเสริมให้สภาพเศรษฐกิจในประเทศไทยดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเรื่องของอินฟราสตรักเจอร์เป็นสิ่งสำคัญที่จะตอบโจทย์ให้กับนักลงทุนและประชาชนได้ในระยะยาว”

ขณะที่การลงทุนของเมกา บางนา ที่จะลงทุนโครงการมิกซ์ยูส ต่อเนื่องไปอีก 14 ปี ทั้งที่พักอาศัย โรงแรม อาคารสำนักงาน ฯลฯ ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2574 นั้น บริษัทเองเตรียมความพร้อมในการลงทุนต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการลงทุนด้านอินฟราสตรักเจอร์ของรัฐบาล รวมทั้งลงทุนด้านอินฟราสตรักเจอร์ทั้งภายในและภายนอกโครงการเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับประชาชนทั่วไปด้วย

นายบรูโน โอสเทเลต์ ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก บริษัท นาโอส ประเทศฝรั่งเศส ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เวชสำอาง “ไบโอเดอร์มา” กล่าวว่า สำหรับธุรกิจความงามนั้น ตลาดเอเชียเป็นภูมิภาคหนึ่งที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทเชื่อมั่นและตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% ตลอด 3 ปีข้างหน้า โดยไทยถือเป็นผู้ขับเคลื่อนหลักเพราะเป็นตลาดเครื่องสำอางที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ซึ่งในอีก 5 ปีข้างหน้า ตลาดอาเซียนจะเป็นตลาดที่มีการขยายตัวที่ดี จากแนวโน้นจำนวนร้านขายยาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และต่อเนื่อง รวมทั้งประเทศไทยยังมีช่องทางการจำหน่ายห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก และเชนร้านเฉพาะทางเพื่อสุขภาพและความงาม อาทิ บู๊ทส์วัตสัน ซึ่งเป็นช่องทางที่สำคัญและได้รับความนิยมมาก

ส่วนปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังและจะส่งผลต่อธุรกิจคือ สินค้าปลอม และการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งพัฒนาสินค้าพร้อมนำเสนอนวัตกรรมด้านต่างๆ ต่อเนื่อง เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ สู่ผู้บริโภค

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,341 วันที่ 18 - 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว