‘หมอธี’ยอมรับเสียมารยาทพาดพิงนาฬิกาหรู ขอโทษนายกฯ-บิ๊กป้อม

15 ก.พ. 2561 | 03:03 น.
“หมอธีระเกียรติ” ดอดขอโทษนายกฯ-พล.อ. ประวิตร หลังพาดพิงปมนาฬิกาหรู ยอมรับเสียมารยาท เมินลาออกจากตำแหน่ง ด้าน “พล.อ.ประยุทธ์” ยันไม่ มีรอยร้าวใน ครม. รักใคร่-เข้าใจกันดี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุม คสช. และเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีน.พ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เข้าพบ หลังพูดพาดพิง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุ-วรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรื่องนาฬิกาหรู ว่า น.พ.ธีระเกียรติ ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวไปแล้ว ซึ่งเป็นการพูดคุยกัน ไม่ได้มีอะไรส่วนตัวกับตน พร้อมยืนยันว่า ครม.ไม่มีร้าว ทุกคนรักใคร่และเข้าใจกันดี

“มีอะไรก็พูดคุยและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน หากทำอะไรผิดก็ขอโทษซึ่งกันและกันก็จบ เราต้องระงับความขัดแย้งให้ได้บ้าง” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

TP16-3340-2A ++ขอโทษนายกฯ-บิ๊กป้อม
ขณะที่ น.พ.ธีระเกียรติ ซึ่งไม่ได้เข้าร่วมประชุม ครม.ในช่วงเช้า แต่ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี หลังการประชุม ครม. ที่ทำเนียบรัฐบาล แถลงถึงกรณีพาดพิงประเด็นนาฬิกาหรูของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ในระหว่างกล่าวกับนักเรียนไทย และนักธุรกิจไทยที่มาร่วมงานเลี้ยงรับรองที่สถานเอกอัครราชทูตไทยใน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ว่าได้ชี้แจงเหตุการณ์ให้ พล.อ. ประยุทธ์ทราบแล้ว และยอมรับว่าได้พูดจริงตามคลิป แต่ไม่ใช่การสัมภาษณ์เป็นทางการ เป็น การยืนคุยภายหลังการบรรยาย โดยไม่รู้ว่าถูกอัดเทป

รมว.ศึกษาธิการ ยอมรับว่า การพูดดังกล่าวเป็นการเสียมารยาท และได้ขอโทษ พล.อ. ประวิตรแล้ว ซึ่ง พล.อ.ประวิตรพยักหน้ารับ มั่นใจว่าจะไม่กระทบการทำงานร่วมกับ พล.อ .ประวิตร ใน ครม. ไม่มีปัญหามองหน้ากันไม่ติด เพราะเมื่อสักครู่นี้ก็ยังมองหน้ากัน และตนเองจะยังอยู่ในตำแหน่ง ทำงานในรัฐบาลต่อไป เพราะเชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรี

++“หมอธี” ยอมรับเสียมารยาท
“ผมไม่ได้เข้าร่วมประชุม ครม. แต่นายกฯ ท่านน่ารัก และได้ถามผมว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งได้บรรยายให้ท่านฟัง และขอโทษท่าน เชื่อมั่นนายกฯ 100% ทั้งนี้ไม่ได้ยื่นใบลาออก แต่คุยแล้วสบายใจขึ้น ส่วนการแถลงข่าวเป็นความตั้งใจของผมเอง ไม่มีอะไรกับ พล.อ.ประวิตร ท่านไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยิ้มๆ แต่ก็ได้บทเรียนเวลาพูดแม้ความเห็นส่วนตัวก็ถือว่าเสียมารยาท”

ส่วนที่มีกระแสข่าวเตรียมจะลาออกหลังจากเกิดประเด็นเรื่องนี้ น.พ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า ไม่ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง แต่ได้พิจารณาทาง เลือกไว้หลายทาง ซึ่งจำเป็นต้องเลือกทางออกที่ดีที่สุดให้เกิดความมั่นคงกับรัฐบาลชุดนี้ ไม่ใช่ตัดสินใจเพื่อความสะใจหรือจะลาออกเพียงอย่างเดียว ต้องมีการปรึกษากับนายกรัฐมนตรีด้วย

“ผมไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับบีบีซี แต่เป็นการยืนคุยกันหลังการบรรยายโดยไม่รู้ว่ามีการอัดเสียง จะเห็นได้ว่าเสียงกับภาพไม่ตรงกัน แต่ไม่ใช่การตัดต่อ และก็คงไม่ดำเนินการฟ้องอะไร เพราะไม่มีประโยชน์ แต่ยอมรับว่าได้พูดจริง เป็นความเห็นส่วนตัว”

[caption id="attachment_259149" align="aligncenter" width="503"] น.พ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ น.พ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ[/caption]

++“ประวิตร”เจ็บคอ-พูดไม่ได้
หลัง น.พ.ธีระเกียรติ แถลงข่าวแล้วเสร็จ ผู้สื่อข่าวพยายามสัมภาษณ์ พล.อ.ประวิตร ถึงการทำงานหลังจากนี้จะราบรื่นหรือไม่ และจะให้อภัยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “เจ็บคอพูดไม่ได้” ก่อนจะรีบเดินขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาลไปทันที

ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวบีบีซีไทย รายงานว่า น.พ.ธีระเกียรติ กล่าวกับนักเรียนไทย และนักธุรกิจ ไทยที่มาร่วมงานเลี้ยงรับรองที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงลอนดอน เมื่อวันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ว่า ขอให้ตระหนักว่าเมื่อจบการศึกษากลับไปทำงานที่ประเทศไทยแล้ว การบังคับใช้กฎหมายของไทย และสำนึกของนักการเมือง และผู้บริหารประเทศยังต่างจากของอังกฤษ การยึดหลักนิติธรรม (rule of law) ยังไม่เกิดขึ้นจริง

รมว.ศึกษาธิการของไทย กล่าวยกตัวอย่าง กรณีของนายไมเคิล เบทส์ สมาชิกสภาขุนนางของอังกฤษ สังกัดพรรคอนุรักษ นิยมได้ประกาศลาออกจากสมาชิกสภาขุนนาง เนื่องจากรู้สึกละอายใจที่เข้าร่วมประชุมสภาสาย เมื่อปลายเดือนมกราคม 2561 แต่คำลาออกของเขาถูกนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรี ยับยั้งไว้แต่เมืองไทย มีนาฬิกาใส่ 25 เรือน ยังไม่เป็นไร” รมว.ศธ.กล่าวติดตลก

ซึ่งเรื่องดังกล่าวสร้างความ แปลกใจของบรรดาผู้บริหารบริษัทจากไทย ที่มาร่วมรับสมัครงานนักเรียนไทยในอังกฤษอย่างมาก

เฟซบุ๊กของบีบีซีไทยได้เผยคลิปเสียง น.พ.ธีระเกียรติ กล่าวกับทางผู้สื่อข่าวของบีบีซีไทย ว่ากรณีนาฬิกา ถ้าผมถูกเปิดโปงตั้งแต่เรือนแรก ผมก็ออกแล้ว อันนี้ถามผมนะ ส่วนใครจะว่าอะไรให้ไปถามคนนั้น ของอย่างนี้ คนก็ไม่กล้าพูด กลัวอะไร ทำไมต้องกลัว พูดแล้วเขาจะมาไล่ผมออกอย่างนั้นเหรอ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่กลัวทำให้เพื่อนร่วมคณะรัฐมนตรีเสียหน้าหรือไม่ น.พ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว นี่เป็นความเห็นส่วนตัวของผม ไม่ใช่ความเห็นของคณะรัฐมนตรี อย่างนี้แปลว่าถ้าผมอยู่ที่ไหน ผมก็ต้องคิดตามเขาหมดเหรอ ขนาดลูกผมยังคิดไม่เหมือนผมเลย ดังนั้นการ คิดเหมือนกันคือหลัก “เผ่ากู” ซึ่งโตกว่า “หลักกู” นิดเดียว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,340 วันที่ 15 - 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว