“ศุภชัย-สุชาติ”หนาว! ส่อปิดฉากการเมืองตลอดชีวิต ตามรอย “ปารีณา”

25 เม.ย. 2567 | 06:39 น.

"ศุภชัย โพธิ์สุ-สุชาติ ภิญโญ ส.ส.โคราช”หนาว ส่อเว้นวรรคการเมืองตลอดชีวิต ตามรอย “ปารีณา ไกรคุปต์” หลังป.ป.ช.มีมติส่งศาลฎีกาฟันจริยธรรมร้ายแรง กรณีถือครองที่ดินรัฐโดยไม่มีคุณสมบัติ : รายงานพิเศษ โดย...ทีมข่าวการเมือง ฐานเศรษฐกิจ

วันที่ 25 เม.ย. 2567 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ได้แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญเกี่ยวกับกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จำนวน 2 เรื่อง ดังนี้  

1. กรณีกล่าวหา นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ ยึดถือครอบครองและเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน น.ส. 2 หรือใบจองในโครงการจัดที่ดินผืนใหญ่แปลงป่าดงพะทาย ท้องที่อำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม โดยการซื้อที่ดินและไม่มีหลักฐานใบจองที่ดิน จำนวน 40 แปลง เนื้อที่ 220 ไร่

โดยป.ป.ช.มติชี้มูลสรุปว่า การกระทำของนายศุภชัย โพธิ์สุ เป็นการครอบครองที่ดินของรัฐเพื่อประโยชน์ของตนเอง โดยฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม และส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ของรัฐ ทั้งยังเป็นการกีดกันผู้ที่ไม่มีที่ดินเป็นของตนเองหรือมีอยู่แล้วแต่เป็นจำนวนน้อยไม่พอเลี้ยงชีพ

ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งรมช.เกษตรและสหกรณ์ และ ส.ส. อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 7 และข้อ 17

 

ประกอบข้อ 3 และข้อ 27 และข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 ข้อ 9 และข้อ 10 ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยตาม พ.ร.ป.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 ต่อไป

2.กรณีกล่าวหา นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินในเขตป่าไม้ถาวรป่าวังน้ำเขียว ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และยึดถือครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา โดยมิชอบ

นายสุชาติ ภิญโญ และ นางสาวพรทิพย์ ทองแสงสุข ได้ยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าว จนกระทั่ง นายสุชาติ ภิญโญ ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.นครราชสีมา ก็ยังคงยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินต่อเนื่องเรื่อยมา 

ทั้งที่ นายสุชาติ ภิญโญ และ นางสาวพรทิพย์ ทองแสงสุข ไม่ใช่บุคคลที่มีคุณสมบัติเป็นผู้ประกอบอาชีพเกษตรกร และไม่ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในอาชีพเกษตรกรรม ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า การกระทำของนายสุชาติ เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ถูกบุกรุกทำลาย 
และก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์การดำรงตำแหน่ง

อันถือว่า มีลักษณะร้ายแรงและเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 17 ประกอบข้อ 3 และข้อ 27 วรรคสอง ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 ต่อไป

ส่อซ้ำรอย“ปารีณา ไกรคุปต์"

สำหรับกรณี ส.ส.บุกรุกครอบครองที่รัฐ แล้วถูกศาลฎีกาพิพากษาในคดีความผิด “มาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง” นั้น 

เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2565 ศาลฎีกา ได้มีคำพิพากษาในคดีที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (ขณะนั้น) บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนในจังหวัดราชบุรี และถูก ป.ป.ช.ฟ้องเอาผิดในความผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง 

โดยศาลฎีกา พิพากษาตอนหนึ่งระบุว่า น.ส.ปารีณา เป็น ส.ส. 4 สมัย ย่อมมีความรู้เกี่ยวกับที่ดินเขตปฏิรูป การครอบครองที่ดินของจำเลย ยังเป็นการปิดโอกาสเกษตรกรรายอื่นไม่สามารถได้รับการจัดสรรที่ดินทำกินได้  คนทั่วไปจะแคลงใจว่าเหตุใจ น.ส.ปารีณา จึงสามารถครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปได้หลาย 100 ไร่

เมื่อตรวจสอบสถานะ น.ส.ปารีณา มีรายได้จากการเป็น ส.ส. 4 สมัย  ใช้เวลาทำงานส่วนใหญ่ในรัฐสภา ไม่ใช่เกษตรกรอาชีพ มีกรรมสิทธิ์ที่ดินของตัวเองหลาย 10 แปลง  และมีที่อยู่อาศัยคนละพื้นที่กับที่ดินพิพาท  การครอบครองที่ดินเขตปฏิรูปโดยทราบว่าไม่มีคุณสมบัติและไม่มีเอกสารสิทธิ์ ส.ส.ย่อมไม่ควรปฏิบัติ

การกระทำของผู้คัดค้านเสื่อมเสียเกียรติ และมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ข้อ 17 ที่ต้องรักษาชื่อเสียง ตำแหน่งหน้าที่ของ ส.ส. และไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ แม้ต่อมาจะส่งคืนที่ดินทั้งหมด  ก็ไม่ทำให้การฝ่าฝืนจริยธรรมฯ ที่เกิดขึ้นแล้วเป็นไม่เกิดขึ้นได้  

เว้นตำแหน่งการเมืองตลอดชีพ

ศาลฎีกาจึงพิพากษาว่า น.ส.ปารีณา ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง  มีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งนับจากวันที่ 25 มีนาคม 2564 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่  และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี  และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของ น.ส.ปารีณา ตลอดไป 

กรณีของ น.ส.ปารีณา ถือเป็นเคสแรก นับแต่ประมวลมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง มีผลบังคับใช้ และศาลฎีกาพิพากษาให้เว้นวรรคการเมืองตลอดชีวิต

ส่วน นายศุภชัย โพธิ์สุ ซึ่งปัจจุบันอายุ 66 ปี เคยเป็น ส.ส.หลายสมัย และอดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์ และอดีตรองประธานสภาฯ และ นายสุชาติ ภิญโญ ปัจจุบัน 54 ปี เคยเป็น ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย  2 สมัย จะต้องยุติชีวิตการเมืองตลอดไป ตามรอย “ปารีณา” หรือไม่ มาคอยดูกัน...