ปมนาฬิกา‘บิ๊กป้อม’ต้องจบที่ศาล ตีกันป.ป.ช.อย่าตัดตอน

28 ม.ค. 2561 | 03:01 น.
ปมนาฬิกาหรูของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่มีการเปิดโปงมากกว่า 25 เรือน ขณะนี้อยู่ในระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบที่มา เนื่องจากบิ๊กป้อมอ้างว่า เป็นนาฬิกาเพื่อนให้ยืม และคืน ให้เพื่อนหมดแล้ว ขณะที่ทางป.ป.ช.ไม่ได้ชี้แจงให้สังคมได้รับทราบกระบวนการให้กระจ่าง ทำให้หลายฝ่ายเรียกร้องให้ ป.ป.ช.เร่งตรวจสอบและดำเนินการอย่างโปร่งใส

++ปมนาฬิกาหรูต้องจบที่ศาล
นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน(ประเทศไทย) กล่าวถึงเรื่องนี้กับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ที่ผ่านมาได้แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเรียกร้องให้ ป.ป.ช.นำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ได้ เพื่อจะได้มั่นใจว่า จะไม่มีการชี้มูลความผิด ซึ่งจะส่งผลให้เรื่องนาฬิกาหรูที่สังคมคลาง แคลงใจตกไป เนื่องจากขณะนี้สังคมรับรู้ว่า ป.ป.ช.ชุดนี้ส่วนหนึ่งมาจากการแต่งตั้งของรัฐบาลชุดปัจจุบัน

ที่ผ่านมากระบวนการตรวจสอบทรัพย์สินนักการเมืองมีขั้นตอนอย่างไรสังคมรับรู้น้อยมาก รวมทั้งกรณีของการตรวจสอบที่มานาฬิกาของ พล.อ. ประวิตร ที่ฮือฮาในขณะนี้ ทางป.ป.ช.พูดไม่ชัด ที่ผ่านมาพูดกันไปมาด้วยความคุ้นเคยทำให้สังคมสับสน ซึ่งที่จริงแล้วป.ป.ช.มีสำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาคการเมืองที่มีนางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้กำกับดูแล แต่ไม่มีการให้ข้อมูลว่าเรื่องไปถึงขั้นตอนใดแล้ว ทั้งที่การตรวจสอบปมนาฬิกาเข้าไปสู่กระบวนการตรวจสอบของสำนักตรวจสอบแล้ว เพื่อสังคมจะได้กระจ่างว่ามีการดำเนินการแล้ว

[caption id="attachment_253061" align="aligncenter" width="342"] มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน(ประเทศไทย) มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน(ประเทศไทย)[/caption]

“สำนักตรวจสอบนี้จะทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลว่า นักการเมืองมีทรัพย์สินอะไรบ้าง ได้มาตอนไหนกันแน่ ซึ่งในเฟซบุ๊กผมเขียนไว้ว่าเป็นการตรวจสอบเชิงลึก ซึ่งหมายความว่า เมื่อมีประเด็นทำให้เชื่อว่าอาจจะมีการปกปิดหรือเป็นเท็จก็ต้องใช้การสืบสวนเชิงลึก จะเป็นการสืบสวนที่ไม่บอกให้ใครรู้ ที่บอกว่านาฬิกามีการแลกเปลี่ยนกับเพื่อน มีที่มาอย่างไร ในวงการมีจริงหรือที่ว่าเรือนละล้านมาแลกกันใส่ ไม่ใช่กระเป๋า หลุยส์ วิตตอง ใบละ 3 หมื่นบาท เป็นต้น ดังนั้น เรื่องจะไม่ถึงศาลถ้าสำนักตรวจสอบฟันธงว่าไม่มีมูล หรือถ้าสำนักตรวจสอบฟันธงว่ามีมูล แต่กรรมการไม่ชี้มูลความผิดมันก็จะตกไป ฉะนั้นเรื่องนี้จึงยํ้าว่าต้องให้ถึงศาล สกัดไว้เลยว่าต้องให้ถึงศาล”

++ปลุกขรก.สู้ความไม่ถูกต้อง
นายมานะ แนะว่า เมื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของ ป.ป.ช.แล้ว ขอให้ประชาชนติดตามและสนับสนุนสำนักตรวจสอบที่มีนางสุภา กำกับดูแลอยู่ ต้องเร่งตรวจสอบเชิงลึกหาความจริงให้กระจ่างและเปิดเผยความคืบหน้าต่อสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง จากนั้นให้เชิญตัวผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจง พร้อมกับบุคคล นิติบุคคล และเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะนาฬิกาที่เป็นข่าว เพื่อสืบสาวถึงต้นตอการซื้อขาย ที่มาของเงินและการเสียภาษี

ในการชี้มูลความผิด ขอให้กรรมการ ป.ป.ช. แต่ละท่านทำบันทึกเหตุผลการตัดสินใจแล้วนำมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน กรณีที่ป.ป.ช. ชี้มูลว่า “ผิด” แล้วส่งเรื่องให้อัยการสั่งฟ้องต่อศาลฎีกานักการเมือง เชื่อว่าศาลจะเรียกบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างพร้อมหลักฐานมาไต่สวนพิสูจน์ว่าข้อมูล หลักฐานเหล่านั้นเชื่อถือได้หรือไม่ ถึงเวลานั้นเชื่อว่าความจริงทุกอย่างจะปรากฏ ความโปร่งใส ความสง่างาม ก็จะเกิดขึ้นในสังคมไทย

อีกประเด็นที่สำคัญคือ ขอให้ประชาชนติดตามและสนับสนุนให้ข้าราชการประจำสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างอิสระ เป็นกลาง สมกับการเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นคนของแผ่นดิน โดยไม่สนใจว่ากรรมการ ป.ป.ช.จะขออะไร หรือจะกดดันกันอย่างไร

“ช่วงหลังมานี้ไม่ใช่ว่าข้าราชการจะยอมนักการเมืองทั้งหมด เขาก็ฮึดสู้เหมือนกัน เราต้องช่วยกันกระตุ้นอีกแรง”

++ถามหามโนสำนึก
กรณีที่หลายฝ่ายขอให้ พล.อ.ประวิตร พักการปฏิบัติหน้าที่ในช่วงที่ป.ป.ช.สอบสวน พร้อมกับเตือนว่า ปมนาฬิกาหรูจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก รัฐมนตรีและรัฐบาลนั้น เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันให้มุมมองว่า พอพูดถึงคอร์รัปชันเรื่องทุจริต ฝ่ายที่ถูกกล่าวหาจะบอกว่าถูกกลั่นแกล้ง จะเป็นอย่างนี้เสมอ แต่ข้อมูลที่ปรากฏเชื่อว่าประชาชนจะตัดสินใจได้ว่า อะไรเป็นเรื่องจริง อะไรเป็นเรื่องกลั่นแกล้ง ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะกระทบถึงภาพลักษณ์นายกรัฐมนตรี รวมทั้งป.ป.ช.และรัฐบาล

ส่วนตอนจบของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายมานะ ยอมรับว่า พูดยากมาก เพราะเป็นเรื่องการเมือง เรื่องอำนาจเผด็จการซึ่งคนก็ยังเกรงกลัว แต่ถ้าพูดเฉพาะกรณีคอร์รัปชันจะเห็นว่าตั้งแต่ปี 2560 ปัญหาคอร์รัปชันของคนใกล้ตัวและการที่ไม่สามารถเอาชนะคอร์รัปชันในระบบราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ มันสะสมและลามขึ้นมาชัดเจนขึ้น

คำว่าคอร์รัปชันในระบบราชการคือ เวลาไปติดต่อราชการหรือที่เห็นง่ายๆ เช่น ก่อนปีใหม่ นายทหารคนหนึ่งจะโอนปืนให้ลูกชาย ก็โดนเรียกเงิน 8,000 บาท ถ้าไม่จ่ายตามที่เรียกมาเรื่องก็ไม่ออก หรือที่ตำรวจมีการขายปืนสวัสดิการ พอตำรวจจะไปทำเรื่องขออนุญาตพกปืน ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองมีการเรียกเงิน เป็นต้น

ส่วนกรณีนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร แม้ป.ป.ช.จะยังไม่ชี้มูล ก็ควรจะมีความรับผิดชอบและมโนสำนึก เรื่องนี้ต้องเป็นการตัดสินใจของคน 2 คน คือ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ. ประวิตร ว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบทางการเมือง

“ใครจะมีมโนสำนึกที่ห่วงใยพรรคพวก ทีมงาน รัฐบาล และประเทศ ทั้ง 2 คนนี้เท่านั้น ไม่มีใครแล้ว ณ จังหวะนี้ใครไปทำอะไรไม่ได้ ทาง ป.ป.ช.จะไปชี้ก็ไม่ได้เพราะพอพูดถึง ป.ป.ช.จะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งต้องใช้เวลานาน การที่เขาตอบว่ายืมนาฬิกาเพื่อนมากว่า 20 เรือน ยืมเพื่อนทั้งหมด อันนี้เป็นคำพูดที่ไม่แยแสคนฟัง แต่เอา ชนะทางกฎหมายเท่านั้น ซึ่งป.ป.ช.ต้องไปหาหลักฐานมา ต้องไม่ตัดตอน” เลขาธิการองค์กรต่อ ต้านคอร์รัปชัน ยํ้าในตอนท้าย

TP14-3334-1B ++เมื่อนาฬิกา‘บิ๊กป้อม’ดังไกลไปทั่วโลก
กลายเป็นประเด็นร้อนดังกระหึ่มโลกไปแล้ว สำหรับนาฬิกาหรู “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เมื่อโลกโซเชียลตีแผ่ที่มาของนาฬิกาสุดลํ้าที่มากถึง 25 เรือน แต่ละเรือนมูลค่านับล้านบาท ส่งผลให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต้องเข้าตรวจสอบ แต่ขณะนี้ผ่านพ้นมาแรม เดือน ยังไม่มีความคืบหน้าในการตรวจสอบนัก

ความน่าสนใจต่อกระแสร้อนแรงของนาฬิกาหรู “บิ๊ก คสช.” ไม่ได้จำกัดวงในสังคมไทยเท่านั้น โลกโซเชียลได้เผยแพร่ภาพนาฬิกา หรูตามเพจต่างๆ อย่างรวดเร็ว ไม่พ้นเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “CSI LA” เดินหน้าขุดคุ้ยนาฬิกาบิ๊กป้อมอย่างต่อเนื่องโดยเมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา เพจ “CSI LA” โพสต์ความว่า

“ตอนนี้ข่าวนายพล Rolex แหวนมารดา นาฬิกาเพื่อน ที่ยืม 25 นาฬิกาหรูจากเพื่อนดังจนกลายเป็นข่าวตลกของชาวโลกไปแล้วครับ เพราะไม่มีใครเชื่อข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น ของ พล.อ.ประวิตร ล่าสุดสื่อหลักของอเมริกาอย่าง “Washington Post” และสื่อเยอรมัน ก็เอาเรื่องนี้ไปลง ผมว่าถึงเวลาที่ พล.อ. ประวิตร ควรลาออกเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของประเทศครับ”

พร้อมกับมีภาพ บิ๊กป้อม ในชุดขาวยกมือปิดหน้าป้องแสงแดดจนเห็นแหวนและนาฬิกาเรือนงาม ปรากฏมีคนเข้ามากดถูกใจและแสดงความเห็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์ของสำนักข่าวต่างประเทศ ก็ไม่พลาดเรื่องที่สังคมอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน โดยหนังสือ พิมพ์ Daily Mail ของประเทศอังกฤษ ได้ทำรายงานพิเศษเรื่อง “The Rolex general : Thailand’s junta number two has been photographed with 25 different luxury watches worth $1.2 million since a 2014 coup, social media sleuths say” หรือแปลตามตัวอักษรว่า “นายพลโรเล็กซ์ : โลกออนไลน์แฉผู้นำหมายเลข 2 ของรัฐบาลทหารประเทศไทยกับภาพคู่นาฬิกา 25 เรือนมูลค่ารวม 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2557”

728x90-03-3-503x62-3-503x62 ในการนำเสนอรายงานชิ้นนี้ หนังสือพิมพ์ Daily Mail ขยายความจาก นายมาร์ก เคนต์ อดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันประจำอยู่ที่ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อความนิรนามผ่านเครือข่ายทวิตเตอร์ระบุเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งแปลสรุปใจความได้ว่า “ไม่เข้าใจว่าทำไมคนเราต้องใส่นาฬิกาถึง 25 เรือน ทั้งที่มีข้อมือแค่ 2 ข้าง”

ขณะที่อดีตขุนคลัง “ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” ได้ตำหนิ “กระทรวงดิจิทัลฯ” ที่เซ็นเซอร์ข่าวปมนาฬิกาหรูจากเว็บสำนักข่าวอังกฤษ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวแบบเจ็บๆ คันๆ ว่า “พฤติกรรมของกระทรวงดิจิทัลฯต้องไม่กลับไปเป็นยุคมืดแห่งข่าวสาร 0.0 เหมือนช่วงเวลาอัปยศของประวัติศาสตร์ชาติไทยในอดีต” งานนี้เจ็บปวดกันถ้วนหน้า

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,334 วันที่ 25 - 27 มกราคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9