ทีวีดิจิตอลปะทุชิงเรตติ้ง โมโน’ขยับหนังใหม่500เรื่อง ขึ้นค่าโฆษณา50%

“โมโน 29” เร่งสปีดหนีคู่แข่ง มั่นใจขึ้นเบอร์ 2 หลังออร์เดอร์หนัง-ซีรีส์ใหม่จากค่ายยักษ์ 500 เรื่องจ่อลงจอตลอดปี มั่นใจรายได้ทะลุ 3,500 ล้าน ยํ้าไม่หวั่นหลังช่องดังแห่ปรับผังเสริมภาพยนตร์ทั้งเก่า-ใหม่ไล่บี้หนัก

การก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 ในกลุ่มทีวีดิจิตอลของช่องโมโน 29 หลังเข้ามาในธุรกิจทีวีดิจิตอล เพียงกว่า 3 ปี ถือเป็นความสำเร็จที่ชัดเจนและโดดเด่นที่สุด เมื่อเทียบกับบรรดาคู่แข่งที่ปัจจุบันเหลืออยู่ 22 ช่อง ที่สำคัญยังสามารถสร้างธุรกิจให้มีกำไร ขณะที่ผู้ประกอบการหลายรายที่อยู่ในเวทีเดียวกัน ยังประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก จึงถือได้ว่าช่องโมโน 29 เป็นช่องทีวีดิจิตอลที่มีโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ จากการมีโพสิชันนิงที่ชัดเจน ด้วยการชูจุดขายเป็นช่องทีวีดิจิตอลหนังและซีรีส์ จนทำให้มีคู่แข่งบางช่องเริ่มปรับผังรายการในลักษณะเดียวกัน เข้าไปในผังรายการใหม่ของปี 2561 บ้างแล้ว

[caption id="attachment_41712" align="aligncenter" width="335"] นวมินทร์ ประสพเนตร
ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด
บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)[/caption]

นายนวมินทร์ ประสพเนตร ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การขึ้นมาติดอันดับ 3 ของช่องโมโน 29 ในกลุ่มผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลนั้น เป็นผลมาจากการวางตำแหน่ง (Positioning) ของช่องที่ชัดเจน ตั้งแต่เริ่มต้นในการดำเนินธุรกิจ และเห็นผลความสำเร็จทันที ทำให้มีเรตติ้งติดอันดับ 3 และมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจด้วย

ล่าสุดแม้จะมีผู้ประกอบการหลายช่องนำภาพยนตร์และซีรีส์มาออกอากาศเพื่อเรียกเรตติ้ง สัปดาห์ละ 1-2 วัน แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เป็นภาพจดจำได้อย่างชัดเจน เพราะหนังและซีรีส์จากสตูดิโอหนังรายใหญ่ ทางช่องโมโน 29 ได้ลิขสิทธิ์มาเกือบทั้งหมดแล้ว อาทิ ทเวนตี้ เซนจูรี่ ฟ็อกซ์ (20th Century Fox), วอร์เนอร์ บราเธอร์ส (Warner Bros.) วอลท์ ดิสนีย์ (Walt Disneys), โซนี่ (Sony), ยูนิเวอร์แซล (Universal), พาราเม้าท์ (Paramount) และซีบีเอส (CBS) เป็นต้น ล่าสุดยังได้ค่ายหนังยักษ์ใหญ่เพิ่มเข้ามาอีก 2 ค่าย ได้แก่ ฟ็อกซ์ และดรีมเวิร์ค แอนนิเมชั่น เข้ามาเพิ่มด้วย

“การที่ช่องโมโน 29 เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์จากค่ายหนังขนาดใหญ่และมีความสัมพันธ์ที่ดี ทำให้สามารถเลือกหนังฟอร์มยักษ์และหนังที่ดีก่อนเป็นรายแรก หลังจาก นั้นหนังและซีรีส์ที่ไม่ถูกเลือก ทางค่ายหนังจะนำไปให้กับผู้ประกอบการรายอื่นเลือกต่อไป ซึ่งในแต่ละปีทางช่องโมโน 29 ใช้เงินลงทุน 600-800 ล้านบาท สำหรับซื้อลิขสิทธิ์หนังและซีรีส์ ขณะเดียวกันยังมีงบลงทุนอีกกว่า 100 ล้านบาท สำหรับการผลิตหนังและซีรีส์ของตนเองด้วย ซึ่งปัจจุบันมี หนังอยู่กว่า 2 หมื่นเรื่องจะมีหนังใหม่เพิ่มอีก 400-500 เรื่อง โดยคอนเทนต์ที่ออกอากาศปัจจุบัน เป็นประเภทหนังสัดส่วน 40% ซีรีส์ สัดส่วน 30% และรายการ อื่นๆ อีก 30%”

นายนวมินทร์ กล่าวอีกว่า บริษัทมองเห็นว่า ผู้ชมมีความต้องการอะไร และจากจำนวนช่องที่มีมากถึง 24 ช่อง จึงต้องวางโพสิชันนิงตัวเองให้ชัดเจนเพื่อสู้กับคู่แข่งได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ได้เปลี่ยนโพสิชันนิงตัวเอง แม้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรบ้างแต่ไม่ได้มีนัยสำคัญ การเป็นช่องหนังและซีรีส์ตั้งแต่เริ่มต้นก็เห็นผลให้ช่องติดอันดับท็อป 5 ตั้งแต่แรก และที่ผ่านมาเห็นความพยายามของผู้ประกอบการหลายราย ที่จะเข้ามาทำเหมือนกับที่โมโน 29 ทำแต่ถือว่าเข้ามาช้าไป ถือเป็นสิ่งที่ดีที่หลายช่องเอาหนังและซีรีส์เข้ามา เพราะทำให้เราดูดีขึ้น เพราะเห็นการเปรียบเทียบ

นอกจากความสำเร็จด้านเรตติ้ง โมโน 29 ยังสามารถดำเนินธุรกิจจนมีกำไรตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมา และยังมีผลการดำเนินงานเติบโตในอัตรา 30% ซึ่งในปี 2561 บริษัทได้ตั้งเป้าหมายการเติบโต 30-40% หรือมีเป้าหมายรายได้ 3,500 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจ ทีวีดิจิตอล 2,500 ล้านบาท และธุรกิจอื่นๆ อีก 1,000 ล้านบาท และยังมีแผนที่จะปรับอัตราค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นอีก 50% จากราคาเฉลี่ย 2.8 หมื่นบาทต่อนาทีเป็น 4 หมื่นบาทต่อนาที พร้อมกับตั้งเป้าหมายเรตติ้งจะขึ้นเป็นอันดับ 2 ภายในปีนี้ด้วย

สำหรับความเคลื่อนไหวของผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ล่าสุด ช่องพีพีทีวี เอชดี 36 ของ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด ได้ประกาศปรับรายการใหม่สำหรับปี 2561 ที่เปลี่ยนคอนเซ็ปต์มาเป็นช่องพีพีทีวี เวิลด์คลาส ทีวี ที่จะออกอากาศตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป ซึ่งจะเน้นรายการที่เป็นกลุ่มรายการบันเทิงประเภทต่างๆ มากขึ้น ได้แก่ กลุ่มรายการบันเทิง (entertainment) กลุ่มรายการสารคดี (Documentary) กลุ่มภาพยนตร์ (Movies) และกลุ่มรายการไลฟ์สไตล์ (Lifestyle) จากเดิมที่เน้นรายการกีฬาและข่าว แต่สำหรับรายการหนังยังออกอากาศเพียง 2 วันต่อสัปดาห์เท่านั้น คือ ออกอากาศในช่วงไพรม์ไทม์เวลา 20.15-22.00 น. ทุกวันจันทร์-อังคาร ภายใต้ช่วง Cinema Hits

โดยได้เตรียมภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วจากโรงภาพยนตร์มาให้ได้ชมกันตลอดทั้งปีจากค่ายหนังยักษ์ใหญ่ อย่าง วอร์เนอร์ บราเธอร์ส, โซนี่ พิคเจอร์ส, นิวรีเจนซี่ และ ไลออนส์ เกต เป็นต้น ภาพยนตร์ที่พร้อมออกอากาศทางพีพีทีวีตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป ได้แก่ “บอดี้การ์ด” จากค่ายวอร์เนอร์ บราเธอร์ส และ “ฟรีวิลลี่” นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์จากค่ายโซนี่ พิคเจอร์ส อย่าง อินซิเดียส แชปเตอร์ 2 และ 3 อีกทั้งภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Legends of the Fall, I Know What You Did Last Summer, Sleepless in Seattle เป็นต้น และภาพยนตร์จากอีก 2 ค่ายยักษ์ นิวรีเจนซี่ และไลออนส์เกต ได้แก่ The Revenant, Gone Girl และ In Time เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังพบว่าช่องจีเอ็มเอ็ม 25 ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ปรับผังรายการใหม่ด้วยการนำหนังไทย ในเครือจีทีเอช มาออกฉายในช่วง 25 Theatre เวลา 22.25 น. ของทุกวันจันทร์-พฤหัสฯ จากเดิมที่จะเป็นช่วงเวลาของรายการแฉและรายการฉายซํ้าของละครในแต่ละวัน ขณะที่ช่อง 3, เวิร์คพอยท์ทีวี และช่อง 8 ได้ปรับผังรายการใหม่และเพิ่มช่วงหนังดี ซีรีส์ดังมาออกอากาศให้ผู้ชมได้ชมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,333 วันที่ 21 - 24 มกราคม พ.ศ. 2561