WHAเนื้อหอมต่างชาติรุมจีบ เล็งขายที่ดินอีอีซี1.25พันไร่

21 ม.ค. 2561 | 02:13 น.
WHA เผยเตรียมลงทุนนิคมฯเพิ่มอีก 1 แห่งปีนี้ ชี้ได้รับความสนใจล้นหลามจากทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีชั้นสูง ระบุตั้งเป้าขายพื้นที่ไว้ 1,250ไร่ในอีอีซี เชื่อโครงการเดินหน้าได้ตามแผนของรัฐบาล

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ WHA เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงความคืบหน้าแผนการลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ว่า ปัจจุบันบริษัทมีการลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวอยู่ 9 นิคมอุตสาหกรรม และจะเพิ่มอีก 1 นิคมอุตสาหกรรมในปี 2561 ซึ่งทั้ง 10 พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมจะอยู่ในพื้นที่ของอีอีซี โดยได้รับความสนใจจากลูกค้าในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มที่ดำเนินการเกี่ยวกับเทคโนโลยีชั้นสูง เนื่องจากบริษัทมีการประชาสัมพันธ์เรื่อง 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

[caption id="attachment_251189" align="aligncenter" width="395"] จรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ WHA จรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ WHA[/caption]

โดยในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้บริษัทเตรียมจะเปิดตัวนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด 3 (HESIE 3) ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 10 ของบริษัทในจังหวัดชลบุรี ซึ่งมีพื้นที่รวม 2,200 ไร่ เพื่อคว้าโอกาสจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทั้งสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา  ท่าเรือนํ้าลึกแหลมฉบัง  และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดเฟส 3 โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-อู่ตะเภา และโครงการรถไฟทางคู่

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้ความสนใจมากที่สุด จะอยู่ในกลุ่มอากาศยาน รองลงมาเป็นกลุ่มของยานยนต์แห่งอนาคตและกลุ่มโลจิสติกส์ โดยมาจากหลากหลายประเทศซึ่งบริษัทมีพื้นที่ทั้งหมดในเขตอีอีซีประมาณ 4.5 หมื่นไร่ โดยมีที่ที่เตรียมพร้อมขายได้อีกกว่า 1 หมื่นไร่ โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายในการขายพื้นที่ประมาณ 1,250 ไร่ โดยมั่นใจว่าการลงทุนในพื้นที่อีอีซีจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในปีนี้ เพราะมีการออกมาตรา 44 มารองรับไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้การทำงานสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง

“หากอีอีซีเกิดขึ้นตามแผนที่รัฐบาลวางเอาไว้ จะสามารถผลักดันจีดีพีในปี 2561 เติบโตได้ถึง 4.6%โดยส่วนตัวเองก็เชื่อมั่นว่าอีอีซี จะสามารถเดินหน้าไปได้ตามแผนที่รัฐบาลวางเอาไว้ ประกอบกับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย นักลงทุนก็มีความสนใจลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งการต่อยอด5 อุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพ (S-curve) ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่, อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ, อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ, เกษตรกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร ควบคู่ไปกับ 5 อุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve)ได้แก่อุตสาหกรรมหุ่นยนต์,อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร, อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์, อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพและอุตสาหกรรมดิจิตอล"

728x90-03-3-503x62 (1) นางสาวจรีพร กล่าวอีกว่า สำหรับประเทศไทย บริษัทมุ่งมั่นที่จะเน้นยํ้าสถานะความเป็นผู้นำ ด้วยการสนับสนุนนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลอย่างเต็มกำลัง อาทิ โครงการอีอีซี และมีบทบาทอย่างแข็งขันในการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย ในขณะเดียวกัน ก็ยังมองหาโอกาสใหม่ๆในการขยายและพัฒนาธุรกิจของเราในประเทศเพื่อนบ้าน และจีนไปพร้อมๆ กัน

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทสามารถให้บริการแก่ลูกค้ากว่า700รายที่ตั้งอยู่ในเขตอีอีซีด้วยบริการด้านสาธารณูปโภคและระบบจัดการนํ้าเสียที่มีกำลังการผลิตรวมกว่า 155 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี  และมีกำลังผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ตามสัดส่วนการถือครอง จำนวน 478 เมกะวัตต์โดยนิคมอุตสาหกรรมของบริษัท 8แห่งก็ได้มีการติดตั้งระบบไฟเบอร์ออพติก (FTTx) พร้อมให้บริการแก่ลูกค้า รวมทั้งมีโครงการวางท่อจัดจำหน่าย และค้าปลีกก๊าซธรรมชาติในนิคมอุตสาหกรรมอีก 2 โครงการและการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาซึ่งมีพื้นที่อีก2.1ล้านตารางเมตร

“ด้วยทำเลที่ตั้งยุทธศาสตร์ของเราประกอบกับการพัฒนาเมืองและโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนและมาตรการจูงใจต่างๆ เราเชื่อมั่นว่าอีอีซีจะทำให้ประเทศไทยก้าวไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีและบรรลุเป้าหมายประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาลได้ในที่สุด”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,332 วันที่ 18 - 20 มกราคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9