AGALIGO ขยายตลาด ชูจุดเด่นสู่ยอดขาย 30 ล้าน
บ.อะกาลิโก เล็งเพิ่มช่องทางในการรุกทำตลาดออนไลน์เพิ่มเติม พร้อมขยายตัวแทนจำหน่ายหวังครอบครัวทั่วประเทศดันแบรนด์AGALIGO สู่รายได้ 30 ล้านบาทปี 61ชูจุดเด่นการเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
พ.ญ.เบญจรมย์ ไกรฤกษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม และปรับรูปหน้า กรรมการผู้จัดการ บริษัท อะกาลิโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ “AGALIGO” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าในปี 2561 บริษัทมีแผนที่จะขยายช่องทางในการทำตลาดเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีการปรับปรุงเรื่องของเนื้อหา หรือคอนเทนต์ที่จะสื่อสารถึงผู้บริโภคให้มีความชัดเจน เพื่อให้เข้าใจในสรรพคุณของผลิตภัณฑ์
[caption id="attachment_248669" align="aligncenter" width="332"]
พ.ญ.เบญจรมย์ ไกรฤกษ์[/caption]
นอกจากนี้ บริษัทยังจะดำเนินการในส่วนของการซื้อโฆษณาเพิ่มเติมในช่องทางออนไลน์ และการเปิดรับตัวแทนให้เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ส่วนใหญ่บริษัทจะทำตลาดด้วยตนเอง และมีตัวแทนจำหน่ายอยู่ตามหัวเมืองขนาดใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานครฯ และบุรีรัมย์ เป็นต้น โดยตั้งเป้าที่จะมีตัวแทนจำหน่ายให้ได้ทุกจังหวัด เพื่อให้ครอบคลุมถึงกลุ่มผู้บริโภคทั่วประเทศ
“เดิมทีช่องทางการทำตลาดในช่วงเริ่มต้นนั้น บริษัทจะใช้วิธีการลงโฆษณาตามสื่อ และนิตยสารต่างๆ รวมถึงมุ่งเน้นการใช้ช่องทางออนไลน์ในการเข้าถึงผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นทางเพจเฟซบุ๊ก, ไลน์แอด (Line@) และเว็บไซต์ นอกจากนี้ยังใช้บริการผู้แนะนำผลิตภัณฑ์ออนไลน์ หรือบล็อกเกอร์ (Blogger) เพื่อรีวิวการใช้งานจากประสบการณ์จริงให้ผู้บริโภคได้รับรู้”
พ.ญ.เบญจรมย์ กล่าวต่อไปอีกว่า จากการดำเนินการขยายช่องทางการตลาดดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ AGALIGO โดยรวมทั้งหมดมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 30 ล้านบาทในปี 2561 หรือเติบโตขึ้นประมาณ 3 เท่าจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท
สำหรับจุดเด่นของผลิต ภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “AGALIGO” ที่สำคัญก็คือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง และผู้ที่ใช้แล้วเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ทำออกมาจำหน่ายมากกว่า 10 ชนิด ได้แก่ ครีมกันแดด เซรั่มบำรุงผิว และครีมสำหรับใช้เวลากลางคืน (Night Cream) เป็นต้น ซึ่งผลิตภัณฑ์บางชนิดจะมีจำหน่ายเฉพาะที่คลินิก เพราะต้องถูกสั่งจ่ายจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาเท่านั้นทำให้ไม่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป
ขณะที่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้หญิงวัยทำงาน ซึ่งค่อนข้างจะให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย ไม่ได้เชื่อจากการโฆษณา และกระแส แต่ต้อง การผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ขณะที่ลูกค้าที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นก็มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจุดประสงค์หลักที่แท้จริงในการทำธุรกิจ ก็เพราะต้องการช่วยเหลือผู้อื่นให้มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมในเรื่องของความมั่นใจ และส่งผลทำให้ชีวิตเปลี่ยน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,330 วันที่ 11 - 13 มกราคม พ.ศ. 2561
พ.ญ.เบญจรมย์ ไกรฤกษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม และปรับรูปหน้า กรรมการผู้จัดการ บริษัท อะกาลิโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ “AGALIGO” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าในปี 2561 บริษัทมีแผนที่จะขยายช่องทางในการทำตลาดเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีการปรับปรุงเรื่องของเนื้อหา หรือคอนเทนต์ที่จะสื่อสารถึงผู้บริโภคให้มีความชัดเจน เพื่อให้เข้าใจในสรรพคุณของผลิตภัณฑ์
[caption id="attachment_248669" align="aligncenter" width="332"]
นอกจากนี้ บริษัทยังจะดำเนินการในส่วนของการซื้อโฆษณาเพิ่มเติมในช่องทางออนไลน์ และการเปิดรับตัวแทนให้เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ส่วนใหญ่บริษัทจะทำตลาดด้วยตนเอง และมีตัวแทนจำหน่ายอยู่ตามหัวเมืองขนาดใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานครฯ และบุรีรัมย์ เป็นต้น โดยตั้งเป้าที่จะมีตัวแทนจำหน่ายให้ได้ทุกจังหวัด เพื่อให้ครอบคลุมถึงกลุ่มผู้บริโภคทั่วประเทศ
“เดิมทีช่องทางการทำตลาดในช่วงเริ่มต้นนั้น บริษัทจะใช้วิธีการลงโฆษณาตามสื่อ และนิตยสารต่างๆ รวมถึงมุ่งเน้นการใช้ช่องทางออนไลน์ในการเข้าถึงผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นทางเพจเฟซบุ๊ก, ไลน์แอด (Line@) และเว็บไซต์ นอกจากนี้ยังใช้บริการผู้แนะนำผลิตภัณฑ์ออนไลน์ หรือบล็อกเกอร์ (Blogger) เพื่อรีวิวการใช้งานจากประสบการณ์จริงให้ผู้บริโภคได้รับรู้”
สำหรับจุดเด่นของผลิต ภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “AGALIGO” ที่สำคัญก็คือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง และผู้ที่ใช้แล้วเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ทำออกมาจำหน่ายมากกว่า 10 ชนิด ได้แก่ ครีมกันแดด เซรั่มบำรุงผิว และครีมสำหรับใช้เวลากลางคืน (Night Cream) เป็นต้น ซึ่งผลิตภัณฑ์บางชนิดจะมีจำหน่ายเฉพาะที่คลินิก เพราะต้องถูกสั่งจ่ายจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาเท่านั้นทำให้ไม่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป
ขณะที่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้หญิงวัยทำงาน ซึ่งค่อนข้างจะให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย ไม่ได้เชื่อจากการโฆษณา และกระแส แต่ต้อง การผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ขณะที่ลูกค้าที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นก็มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจุดประสงค์หลักที่แท้จริงในการทำธุรกิจ ก็เพราะต้องการช่วยเหลือผู้อื่นให้มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมในเรื่องของความมั่นใจ และส่งผลทำให้ชีวิตเปลี่ยน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,330 วันที่ 11 - 13 มกราคม พ.ศ. 2561
