‘ซีแวลู’จัดทัพรับปีจอ ดันยอด2.5หมื่นล้าน
“ซีแวลู” เผยปี 60 ยอดขาย 2.4 หมื่นล้านวืดเป้าเล็กน้อย หลังราคาวัตถุดิบทูน่าพุ่ง-บาทแข็งกระทบคำสั่งซื้อ เล็งเป้าปีจอ 2.5 หมื่นล้าน ดันเพิ่มสัดส่วนส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงทำจากทูน่าเป็น 30% เล็ง 5 ปี ลดใช้แรงงาน 4,600 คน
นายอมรพันธุ์ อร่ามวัฒนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มซีแวลู ผู้ผลิตและส่งออกทูน่ากระป๋องและอาหารสัตว์เลี้ยงที่ทำจากปลาทูน่ารายใหญ่ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากในปี 2560 ทางกลุ่มได้ตั้งเป้าหมายยอดส่งออกไว้ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท คาดจะสามารถทำได้ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท ตํ่ากว่าเป้าหมายเล็กน้อย ผลสืบเนื่องจากราคาวัตถุดิบทูน่ามีความผันผวน โดยในช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนวัตถุดิบปลาทูน่าที่เข้ามาเมืองไทยมีปริมาณลดลง ขณะที่ราคาพุ่งสูงขึ้นมากที่ระดับ 2,350 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน จากราคาตํ่าสุดในเดือนมีนาคมเฉลี่ยที่ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้น กระทบการสั่งซื้อของลูกค้าชะงักเล็กน้อย อย่างไรก็ดีราคาปลาวัตถุดิบ ณ ปัจจุบันอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก มั่นใจว่าการส่งออกในไตรมาสที่ 1-2 ของปีนี้จะขยายตัวดีขึ้น
[caption id="attachment_120156" align="aligncenter" width="503"]
นายอมรพันธุ์ อร่ามวัฒนานนท์[/caption]
“นอกจากราคาวัตถุดิบที่ผันผวนที่มีผลต่อการส่งออกแล้ว ยังเป็นผลจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจากต้นปี 2560 อยู่ที่ระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ปลายปีอยู่ที่ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ กระทบต่อการรับออร์เดอร์และรายได้รูปเงินบาทที่ลดลง ทั้ง 2 ปัจจัยทำให้เรามีความระมัดระวังในการรับออร์เดอร์โดยจะขายล่วงหน้าไม่เกิน 2 เดือน ไม่กล้ารับออร์เดอร์ยาวๆ เพราะเสี่ยงขาดทุน”
อย่างไรก็ดีในปี 2561 ทางกลุ่มตั้งเป้าหมายการส่งออกไว้ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 5% โดยจะเป็นยอดขายจากทูน่ากระป๋องที่เป็นอาหารคนสัดส่วน 70% และอีก 30% เป็นอาหารสัตว์เลี้ยงที่ทำจากปลาทูน่า จากปี 2560 สัดส่วนอยู่ที่ 75:25 ทั้งนี้หากสามารถบริหารต้นทุนการผลิต และสามารถจัดซื้อวัตถุดิบได้ตามความต้องการคาดจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย ขณะเดียวกันในปีนี้ทางกลุ่มได้ตั้งงบลงทุนด้านเครื่องจักรสมัยใหม่ 200-300 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดต้นทุน โดยแผน 5 ปีนับจากนี้จะลดการใช้แรงงานคนใน 3 โรงงานผลิต (สมุทรสาคร 2 โรง และนคร ปฐม 1 โรง) จาก 1.26 หมื่นคน ลงเหลือ 8,000 คน หรือลดลง 4,600 คน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,329 วันที่ 7 - 10 มกราคม พ.ศ. 2561
นายอมรพันธุ์ อร่ามวัฒนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มซีแวลู ผู้ผลิตและส่งออกทูน่ากระป๋องและอาหารสัตว์เลี้ยงที่ทำจากปลาทูน่ารายใหญ่ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากในปี 2560 ทางกลุ่มได้ตั้งเป้าหมายยอดส่งออกไว้ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท คาดจะสามารถทำได้ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท ตํ่ากว่าเป้าหมายเล็กน้อย ผลสืบเนื่องจากราคาวัตถุดิบทูน่ามีความผันผวน โดยในช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนวัตถุดิบปลาทูน่าที่เข้ามาเมืองไทยมีปริมาณลดลง ขณะที่ราคาพุ่งสูงขึ้นมากที่ระดับ 2,350 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน จากราคาตํ่าสุดในเดือนมีนาคมเฉลี่ยที่ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้น กระทบการสั่งซื้อของลูกค้าชะงักเล็กน้อย อย่างไรก็ดีราคาปลาวัตถุดิบ ณ ปัจจุบันอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก มั่นใจว่าการส่งออกในไตรมาสที่ 1-2 ของปีนี้จะขยายตัวดีขึ้น
[caption id="attachment_120156" align="aligncenter" width="503"]
“นอกจากราคาวัตถุดิบที่ผันผวนที่มีผลต่อการส่งออกแล้ว ยังเป็นผลจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจากต้นปี 2560 อยู่ที่ระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ปลายปีอยู่ที่ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ กระทบต่อการรับออร์เดอร์และรายได้รูปเงินบาทที่ลดลง ทั้ง 2 ปัจจัยทำให้เรามีความระมัดระวังในการรับออร์เดอร์โดยจะขายล่วงหน้าไม่เกิน 2 เดือน ไม่กล้ารับออร์เดอร์ยาวๆ เพราะเสี่ยงขาดทุน”
อย่างไรก็ดีในปี 2561 ทางกลุ่มตั้งเป้าหมายการส่งออกไว้ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 5% โดยจะเป็นยอดขายจากทูน่ากระป๋องที่เป็นอาหารคนสัดส่วน 70% และอีก 30% เป็นอาหารสัตว์เลี้ยงที่ทำจากปลาทูน่า จากปี 2560 สัดส่วนอยู่ที่ 75:25 ทั้งนี้หากสามารถบริหารต้นทุนการผลิต และสามารถจัดซื้อวัตถุดิบได้ตามความต้องการคาดจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย ขณะเดียวกันในปีนี้ทางกลุ่มได้ตั้งงบลงทุนด้านเครื่องจักรสมัยใหม่ 200-300 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดต้นทุน โดยแผน 5 ปีนับจากนี้จะลดการใช้แรงงานคนใน 3 โรงงานผลิต (สมุทรสาคร 2 โรง และนคร ปฐม 1 โรง) จาก 1.26 หมื่นคน ลงเหลือ 8,000 คน หรือลดลง 4,600 คน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,329 วันที่ 7 - 10 มกราคม พ.ศ. 2561
