2560ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง กระโจนสู่‘ดิจิตอล’
ภาคธุรกิจชู ปี 2560 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิตอล “ค้าปลีก” เผยพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ก่อให้เกิด E-Business เชื่อมโยงออฟไลน์+ออนไลน์ “ขายตรง” ลุยส่งแอพ ตัวช่วยนักธุรกิจปั๊มยอดขาย ด้านร้านอาหารเร่งเสริมบริการ สะดวก รวดเร็วตอบโจทย์นักชิม
การเข้ามาของเทคโนโลยี ย่อมส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แม้กูรูในหลากวงการจะเชื่อว่า จะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป จากการปรับตัว ปรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค แต่ดูเหมือนว่าในปี 2560 จะเป็นการ Change แบบร้อนแรง เพราะทุกธุรกิจถูกผลักดันให้ต้องขยับตัว เพื่อก้าวสู่โลกแห่งดิจิตอล
++ขยับปรับตัวรับ “รีเทล 4.0”
อุตสาหกรรมค้าปลีกหรือรีเทล ถือเป็นธุรกิจหนึ่งที่เกิด “การเปลี่ยนแปลง” อย่างเห็นได้ชัด เพื่อรองรับการแทรกซึมเข้ามาของเทคโนโลยี ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคหันไปนิยมซื้อสินค้าและบริการออนไลน์เพิ่มขึ้น กอปรกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทำให้เกิดเทรนด์ใหม่เป็น Big Data ของธุรกิจค้าปลีก ที่ผู้ประกอบการไม่สามารถปล่อยปละละเลยได้
การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ ที่เรียกว่า “E-Business” หรือ Omni Channel การเชื่อมโยงห้างร้านในโลกออฟไลน์ ผสมผสานกับเทคโนโลยีออนไลน์เข้าด้วยกัน โดยอาศัยจุด แข็งของกันและกัน คือ ห้างร้านที่มีสินค้าจริง ให้สัมผัส ทดลองได้ และการชำระเงินด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผ่านโลกออนไลน์
การคาดการณ์ว่าอีก 5 ปีข้างหน้า คนไทยจะใช้เงินสดน้อยลง และหันมาใช้จ่ายผ่านบัตรและช่องทางอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น จากการผลักดันและนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมและสนับสนุน ทำให้ร้านค้าต่างต้องปรับตัวเข้าสู่การค้าเพื่ออนาคต ขณะที่ข้อมูลที่เกิดขึ้น จะเป็นบิ๊ก ดาต้า ที่ถูกนำไปต่อยอดทั้งด้านการตลาด และการลงทุน ไม่ว่าจะ เป็นข้อมูลการใช้จ่ายของลูกค้าแต่ ละครั้ง จะประมวลได้ถึงไลฟ์สไตล์ ความชอบ พฤติกรรม เพื่อนำไปจัดโปรโมชันแบบ one by one
ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนคือ การจับมือของเดอะ มอลล์ กรุ๊ป กับธนาคารไทยพาณิชย์ ในการให้บริการ Cashless Society ผ่าน QR Payment ที่ Gourmet Market และ Food Hall, Smart Self Check-Out Kiosk และ Smart Tax Kiosk สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาช็อปปิ้งในเมืองไทย “ห้างจะต้องรู้จักพัฒนาเทคโนโลยี นำดิจิ ตอลแพลตฟอร์มมาสร้างประสบการณ์ช็อปปิ้งรูปแบบใหม่ให้กับลูก ค้า” นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการ บริหาร บริษัท เดอะ มอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าว
++ขายตรงเพิ่มแอพ ตัวช่วยใหม่
ธุรกิจขายตรงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิตอล 4.0 ด้วยการเพิ่มเครื่องมือสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ โดยนางวิภาดา ตั้งปกรณ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศ ไทย) จำกัด กล่าวว่า แอพพลิเคชัน “Nu Skin AR” เป็น ตัวช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์นู สกิน สามารถเรียนรู้และเข้าใจผลิตภัณฑ์ได้ เริ่มจากการถ่ายรูปผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ จากนั้นแอพพลิเคชันจะทำการสแกนรูปภาพและประมวลผลเพื่อส่งรายละเอียดผลิตภัณฑ์ทั้งหมดมาปรากฏบนมือถือสมาร์ทโฟนหรือแท็บเลตของผู้ใช้งานทันที โดยคาดว่าภายในสิ้นปีจะมีการดาวน์โหลดมากถึง 1 หมื่นราย
“นู สกิน ทำตลาดผ่านกลยุทธ์ดิจิตอลมากว่า 5 ปี เริ่มต้นจากระบบ ช็อปผ่านออนไลน์ การสร้างระบบออฟฟิศ” ผู้แทนจำหน่ายสามารถตรวจสอบยอดขายและคอมมิสชันผ่านทางระบบออนไลน์ การสร้างแอพพลิเคชันต่างๆ ได้แก่ “NU Connect” ซึ่งเป็นแอพพลิเคชันที่รวบรวมสื่อต่างๆ ของนู สกิน ไว้เป็นห้องสมุด “Nu Skin TR90” เป็นแอพพลิเคชันที่ใช้ควบคู่กับโปรแกรมเพื่อควบคุมนํ้าหนัก รวมทั้งสื่อโซเชียลมีเดีย ช่องทางต่างๆ ที่ครอบคลุมทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ยูทูบ และไลน์ ซึ่งสมาชิกที่ ติดตามมากกว่า 5 หมื่นราย คาดว่ายอดการสั่งซื้อออนไลน์จะเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 50% ภายในสิ้นปี
ด้านนายพงศ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการใหญ่สายงานการตลาด บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด กล่าวว่า จากการเข้าสู่ ยุค 4.0 บริษัทจึงมุ่งเน้นการพัฒนา การบริการต่างๆ รวมถึงเป็นการรับมือการแข่งขันจากธุรกิจค้าปลีกที่มีการขยายตัวทางด้านออนไลน์มากขึ้น จึงได้เพิ่มเครื่องมือออนไลน์ อาทิแอพพลิเคชัน กิฟฟารีน เอ็กซ์เพิร์ซ รวมถึงการเพิ่มช่องทางการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นไลน์ คอลล์เซ็นเตอร์ และเว็บไซต์ โดยบริษัท ตั้งเป้าหมายสัดส่วนยอดขายจากออนไลน์ในปีหน้าจะเพิ่มเป็น 20% จากเดิมมีสัดส่วน 10%
++เทรนด์ใหม่ตอบโจทย์นักชิม
การเตรียมพร้อมก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล ในธุรกิจร้านอาหาร ก็เป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน ที่นำเอาเทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ เช่น แอพพลิเคชันจองคิวผ่านสมาร์ทโฟน “คิวคิว” (QueQ) ของบาร์บีคิว พลาซ่า ที่ก่อนหน้านี้เปิด ตัว “Vending Machine สมาชิก บาร์บีกอนคลับ” ตู้สมัครสมาชิกระบบอัตโนมัติ โดยลูกค้าสามารถจองคิวรับประทานอาหารผ่าน “คิวคิวแอพฯ” ได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่ในรถ หรือกำลังเดินทาง ไปที่ร้าน นอกจากนั้นยังเช็กได้อีกด้วยว่ามีกี่คิวก่อนหน้า ต้องรอ ประมาณกี่นาที ซึ่งใกล้ถึงคิวเมื่อไร ก็จะมีเสียงแจ้งเตือนส่งตรงไปที่มือถือของลูกค้าทันที ผู้ที่ต้องการใช้บริการดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android ซึ่งเจ้าตู้คิวคิว นี้ไม่เพียงแต่บาร์บีคิวพลาซ่าเท่านั้น หากแต่เชนร้านอาหารชั้นนำ ในเมืองไทยหลายแบรนด์ก็เริ่มนำมาใช้ในร้านแล้วเช่นกัน
ขณะที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเซน ก็พัฒนาแอพพลิเคชัน GES (Guest Experience System) เพื่อตอบสนองความคิดเห็นของลูกค้า สำหรับการจัดส่งอาหารถึงบ้าน และนำเสนอข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งโปรโมชันอย่างรวดเร็วทันใจ ที่มาพร้อมกับเครือข่ายการจัดส่งอาหาร (Food Delivery) รวมทั้งบริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่เช่นกัน
แม้แต่แบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง “แมคโดนัลด์” ก็ขยับนำระบบการชำระเงินแบบ POS system เข้ามาให้บริการด้วยเช่นกัน
ปิดฉากปี 2560 แม้เศรษฐกิจโดยภาพรวมจะยังอึมครึม แต่ “การเปลี่ยนแปลง” ที่เกิดขึ้น นับเป็นก้าวสำคัญ ที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,326 วันที่ 28 - 30 ธันวาคม พ.ศ. 2560
การเข้ามาของเทคโนโลยี ย่อมส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แม้กูรูในหลากวงการจะเชื่อว่า จะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป จากการปรับตัว ปรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค แต่ดูเหมือนว่าในปี 2560 จะเป็นการ Change แบบร้อนแรง เพราะทุกธุรกิจถูกผลักดันให้ต้องขยับตัว เพื่อก้าวสู่โลกแห่งดิจิตอล
++ขยับปรับตัวรับ “รีเทล 4.0”
อุตสาหกรรมค้าปลีกหรือรีเทล ถือเป็นธุรกิจหนึ่งที่เกิด “การเปลี่ยนแปลง” อย่างเห็นได้ชัด เพื่อรองรับการแทรกซึมเข้ามาของเทคโนโลยี ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคหันไปนิยมซื้อสินค้าและบริการออนไลน์เพิ่มขึ้น กอปรกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทำให้เกิดเทรนด์ใหม่เป็น Big Data ของธุรกิจค้าปลีก ที่ผู้ประกอบการไม่สามารถปล่อยปละละเลยได้
การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ ที่เรียกว่า “E-Business” หรือ Omni Channel การเชื่อมโยงห้างร้านในโลกออฟไลน์ ผสมผสานกับเทคโนโลยีออนไลน์เข้าด้วยกัน โดยอาศัยจุด แข็งของกันและกัน คือ ห้างร้านที่มีสินค้าจริง ให้สัมผัส ทดลองได้ และการชำระเงินด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผ่านโลกออนไลน์
การคาดการณ์ว่าอีก 5 ปีข้างหน้า คนไทยจะใช้เงินสดน้อยลง และหันมาใช้จ่ายผ่านบัตรและช่องทางอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น จากการผลักดันและนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมและสนับสนุน ทำให้ร้านค้าต่างต้องปรับตัวเข้าสู่การค้าเพื่ออนาคต ขณะที่ข้อมูลที่เกิดขึ้น จะเป็นบิ๊ก ดาต้า ที่ถูกนำไปต่อยอดทั้งด้านการตลาด และการลงทุน ไม่ว่าจะ เป็นข้อมูลการใช้จ่ายของลูกค้าแต่ ละครั้ง จะประมวลได้ถึงไลฟ์สไตล์ ความชอบ พฤติกรรม เพื่อนำไปจัดโปรโมชันแบบ one by one
ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนคือ การจับมือของเดอะ มอลล์ กรุ๊ป กับธนาคารไทยพาณิชย์ ในการให้บริการ Cashless Society ผ่าน QR Payment ที่ Gourmet Market และ Food Hall, Smart Self Check-Out Kiosk และ Smart Tax Kiosk สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาช็อปปิ้งในเมืองไทย “ห้างจะต้องรู้จักพัฒนาเทคโนโลยี นำดิจิ ตอลแพลตฟอร์มมาสร้างประสบการณ์ช็อปปิ้งรูปแบบใหม่ให้กับลูก ค้า” นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการ บริหาร บริษัท เดอะ มอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าว
ธุรกิจขายตรงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิตอล 4.0 ด้วยการเพิ่มเครื่องมือสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ โดยนางวิภาดา ตั้งปกรณ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศ ไทย) จำกัด กล่าวว่า แอพพลิเคชัน “Nu Skin AR” เป็น ตัวช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์นู สกิน สามารถเรียนรู้และเข้าใจผลิตภัณฑ์ได้ เริ่มจากการถ่ายรูปผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ จากนั้นแอพพลิเคชันจะทำการสแกนรูปภาพและประมวลผลเพื่อส่งรายละเอียดผลิตภัณฑ์ทั้งหมดมาปรากฏบนมือถือสมาร์ทโฟนหรือแท็บเลตของผู้ใช้งานทันที โดยคาดว่าภายในสิ้นปีจะมีการดาวน์โหลดมากถึง 1 หมื่นราย
“นู สกิน ทำตลาดผ่านกลยุทธ์ดิจิตอลมากว่า 5 ปี เริ่มต้นจากระบบ ช็อปผ่านออนไลน์ การสร้างระบบออฟฟิศ” ผู้แทนจำหน่ายสามารถตรวจสอบยอดขายและคอมมิสชันผ่านทางระบบออนไลน์ การสร้างแอพพลิเคชันต่างๆ ได้แก่ “NU Connect” ซึ่งเป็นแอพพลิเคชันที่รวบรวมสื่อต่างๆ ของนู สกิน ไว้เป็นห้องสมุด “Nu Skin TR90” เป็นแอพพลิเคชันที่ใช้ควบคู่กับโปรแกรมเพื่อควบคุมนํ้าหนัก รวมทั้งสื่อโซเชียลมีเดีย ช่องทางต่างๆ ที่ครอบคลุมทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ยูทูบ และไลน์ ซึ่งสมาชิกที่ ติดตามมากกว่า 5 หมื่นราย คาดว่ายอดการสั่งซื้อออนไลน์จะเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 50% ภายในสิ้นปี
ด้านนายพงศ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการใหญ่สายงานการตลาด บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด กล่าวว่า จากการเข้าสู่ ยุค 4.0 บริษัทจึงมุ่งเน้นการพัฒนา การบริการต่างๆ รวมถึงเป็นการรับมือการแข่งขันจากธุรกิจค้าปลีกที่มีการขยายตัวทางด้านออนไลน์มากขึ้น จึงได้เพิ่มเครื่องมือออนไลน์ อาทิแอพพลิเคชัน กิฟฟารีน เอ็กซ์เพิร์ซ รวมถึงการเพิ่มช่องทางการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นไลน์ คอลล์เซ็นเตอร์ และเว็บไซต์ โดยบริษัท ตั้งเป้าหมายสัดส่วนยอดขายจากออนไลน์ในปีหน้าจะเพิ่มเป็น 20% จากเดิมมีสัดส่วน 10%
การเตรียมพร้อมก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล ในธุรกิจร้านอาหาร ก็เป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน ที่นำเอาเทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ เช่น แอพพลิเคชันจองคิวผ่านสมาร์ทโฟน “คิวคิว” (QueQ) ของบาร์บีคิว พลาซ่า ที่ก่อนหน้านี้เปิด ตัว “Vending Machine สมาชิก บาร์บีกอนคลับ” ตู้สมัครสมาชิกระบบอัตโนมัติ โดยลูกค้าสามารถจองคิวรับประทานอาหารผ่าน “คิวคิวแอพฯ” ได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่ในรถ หรือกำลังเดินทาง ไปที่ร้าน นอกจากนั้นยังเช็กได้อีกด้วยว่ามีกี่คิวก่อนหน้า ต้องรอ ประมาณกี่นาที ซึ่งใกล้ถึงคิวเมื่อไร ก็จะมีเสียงแจ้งเตือนส่งตรงไปที่มือถือของลูกค้าทันที ผู้ที่ต้องการใช้บริการดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android ซึ่งเจ้าตู้คิวคิว นี้ไม่เพียงแต่บาร์บีคิวพลาซ่าเท่านั้น หากแต่เชนร้านอาหารชั้นนำ ในเมืองไทยหลายแบรนด์ก็เริ่มนำมาใช้ในร้านแล้วเช่นกัน
ขณะที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเซน ก็พัฒนาแอพพลิเคชัน GES (Guest Experience System) เพื่อตอบสนองความคิดเห็นของลูกค้า สำหรับการจัดส่งอาหารถึงบ้าน และนำเสนอข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งโปรโมชันอย่างรวดเร็วทันใจ ที่มาพร้อมกับเครือข่ายการจัดส่งอาหาร (Food Delivery) รวมทั้งบริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่เช่นกัน
แม้แต่แบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง “แมคโดนัลด์” ก็ขยับนำระบบการชำระเงินแบบ POS system เข้ามาให้บริการด้วยเช่นกัน
ปิดฉากปี 2560 แม้เศรษฐกิจโดยภาพรวมจะยังอึมครึม แต่ “การเปลี่ยนแปลง” ที่เกิดขึ้น นับเป็นก้าวสำคัญ ที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,326 วันที่ 28 - 30 ธันวาคม พ.ศ. 2560
