คอนโดเริ่มตีฟองสบู่ กรุงเทพฯโอเวอร์ซัพพลาย-เหลือขาย3หมื่นหน่วย

ตลาดคอนโดมิเนียม ฝ่ายวิจัยคอลลิเออร์สชี้คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ปี 60 มากกว่า 5.6 หมื่นหน่วย แต่ที่สร้างเสร็จแล้วเหลือขายมีไม่น้อยกว่า 3 หมื่นหน่วย หวั่นเกิดโอเวอร์ซัพพลายในภาพรวม

แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจประเทศไทยจะยังไม่ได้ฟื้นตัวหรือว่าขยายตัวแบบก้าวกระโดด แต่ก็มีสัญญาณบวกต่อเนื่องในปีนี้และคาดว่าจะขยายตัวต่อไปในปีหน้า ตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในเมืองและตามแนวรถไฟฟ้า จากช่วงต้นปี 2560 ที่ไม่ค่อยมีโครงการเปิดขายใหม่มากนัก แต่ครึ่งหลังของปีเริ่มมีโครงการเปิดขายใหม่มากขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะช่วงไตรมาส 3 มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ประมาณ 18,806 หน่วย และอีกไม่ตํ่ากว่า 13,000 หน่วยในไตรมาส 4 เมื่อรวมจำนวนหน่วยที่เปิดขายใหม่ทั้งปีนี้ คาดน่าจะมีไม่น้อยกว่า 56,000 ยูนิต

ขณะที่ในส่วนของกำลังซื้อหรือว่าฝั่งของผู้ซื้อ ดูแล้วไม่ได้ขยายตัวตามไปมากเท่าที่ควร ผู้ประกอบการหลายรายต้องพยายามสร้างความแตกต่างในโครงการที่เปิดขายใหม่ของตัวเองทุกครั้งที่เปิดขายโครงการใหม่ เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับกลุ่มผู้ซื้อที่ต้องการเก็งกำไรหรือลงทุนในคอนโดมิเนียม เพื่อที่กลุ่มนักลงทุนและผู้ที่สนใจจะซื้อคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัยเองในอนาคตจะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เนื่องจากรูปแบบโครงการน่าสนใจและโดดเด่นจากโครงการ อื่นๆ ในทำเล

นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทคอล ลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยฯ กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่าปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จและเหลือขายอยู่ในกรุงเทพฯไม่น้อยกว่า 30,000 หน่วย หากรวมกับคอนโดมิเนียมของนักลงทุน กลุ่มที่เก็งกำไรที่ต้องการขายยูนิตของตนออกไปก่อนที่จะโอนกรรมสิทธิ์ก็อาจจะมากกว่านี้อีก

“ผู้ประกอบการที่จะเปิดขายโครงการใหม่จึงควรระมัดระวังในการเลือกทำเล ตั้งราคาขายและเลือกกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับรูปแบบโครงการรวมไปถึงราคาขาย แม้ว่าจะมีผู้ประกอบการบางรายที่เลือกจะจับกลุ่มผู้ซื้อที่เป็นนักลงทุน นักเก็งกำไรเพื่อจะได้ปิดการขายเร็วๆ แต่ก็ต้องมาลุ้นเมื่อถึงวันโอนกรรมสิทธิ์อีกที ซึ่งมีผู้ซื้อใน 2 กลุ่มนี้ไม่น้อยที่ไม่ยอมโอนกรรมสิทธิ์ จนสุดท้ายต้องเจรจาคืนห้องกับทางผู้ประกอบการไปด้วยเหตุผลต่างๆ รวมทั้งไม่สามารถขอสินเชื่อธนาคารได้”

การที่ยังมีคอนโดมิเนียมเหลือขายอยู่ในตลาดอีกไม่น้อยแบบนี้ และยังคงมีโครงการคอนโดมิเนียมรอเปิดขายอยู่อีกหลายโครงการอีกทั้งในส่วนของกำลังซื้อที่ยังคงไม่ได้ดีขึ้น ก็อาจจะทำให้ภาวะตลาดคอนโดมิเนียมเกิดปัญหาได้ในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะเรื่องโอเวอร์ซัพพลายในภาพรวมทั้งตลาด ซึ่งเรื่องนี้ก็เริ่มมีให้เห็นบ้างแล้วในหลายทำเล แม้ผู้ประกอบการจะมีการปรับตัวหรือว่าเลี่ยงเปิดโครงการใหม่ในทำเลที่มีความเสี่ยง อีกทั้งราคาขายของบางโครงการที่สูงเกินไปก็อาจทำให้พวกเขาต้องใช้เวลาในการขายนานขึ้นและถ้าไม่มีเงินทุนหมุนเวียนมากพอก็อาจจะกระทบกับการก่อสร้างโครงการรวมไปถึงความเชื่อมั่นของผู้ซื้อได้

[caption id="attachment_111157" align="aligncenter" width="503"] โสภณ พรโชคชัย[/caption]

นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เผยว่า ได้สำรวจตลาดอาคารชุดพบว่าในจำนวน 268 โครงการอาคารชุดที่สร้างเสร็จในระยะเวลา 6-36 เดือนนี้ มีอยู่รวมกัน 117,250 หน่วย ขายไปแล้ว 107,096 หน่วย หรือ 91% และมีเหลืออยู่ในมือนักพัฒนาที่ดินเพียง 10,154 หน่วยและในจำนวนที่สร้างเสร็จ 117,250 หน่วยนี้ มีผู้เข้าอยู่แล้ว 71,864 หน่วย หรือ 61%

ด้านนายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมบ้านจัดสรร และกรรมการบริษัทศุภาลัยจำกัด(มหาชน) สะท้อนว่า ปริมาณคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพ มหานครและปริมณฑล หากรวมทั้งที่เปิดตัวใหม่ และที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนขณะนี้มีอยู่ในตลาดอย่างน้อย 70,000-80,000 หน่วย อย่างมาก 100,000 หน่วย สิ่งที่เกิดขึ้นผู้ประกอบการต่างเร่งงัดกลยุทธ์การขาย เช่นอยู่ฟรี 3 ปี โดยผู้ประกอบการผ่อนให้นอกจากการลดแลกแจกแถมตามปกติ ซึ่งมองว่าปลายปีนี้การแข่งขันค่อนข้างรุนแรง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,316 วันที่ 23 - 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560