ธุรกิจรพ.กำไร 5 พันล้าน ไตรมาส3โต 10%-ธนบุรี เมดิเคิล เซ็นเตอร์ทะยาน209%

19 พ.ย. 2560 | 09:01 น.
ธุรกิจการแพทย์ฟื้นชัดเจน คนไข้ไทย-ต่างประเทศเพิ่มขึ้น ศรีวิชัยเวชวิวัฒน์ และโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรังแย่ลง

กลุ่มการแพทย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกอบด้วย บริษัททั้งหมด 20 บริษัท ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 บริษัทจำนวน 16 แห่งแจงผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 3/2560 แล้ว โดยมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 5,232.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 489.32 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตประมาณ 10.31% เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิงวดไตรมาส 3/2559 ที่มีกำไรสุทธิ 4,743.27 ล้านบาท โดยเกือบทุกบริษัทมีกำไรที่ดีขึ้น ยกเว้น บริษัท ศรีวิชัยเวชวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน)หรือ VIH ที่มีกำไรสุทธิ ลดลง 4.97% เหลือ 50.40 ล้านบาทและบริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง จำกัด (มหาชน) หรือ WPH ที่พลิกมาเป็นขาดทุนสุทธิ 2.35 ล้านบาท

ขณะที่ บริษัท ธนบุรี เมดิเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ KDH มีกำไรเติบโตก้าวกระโดด 209% จากที่ขาดทุนสุทธิ 5.40 ล้านบาท พลิกมามีกำไรสุทธิ 5.90 ล้านบาท บริษัท วัฒนาการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEW กำไรโตโดดเด่น 142% เป็น 9.76 ล้านบาท ส่วนบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS มีกำไรสุทธิ 2,416 ล้านบาท เติบโต 3.55% นับว่าฟื้นตัวชัดเจน

MP17-3314-A ส่วนผลงาน 9 เดือน ทั้งกลุ่มการแพทย์ มีกำไรสุทธิ 15,201 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 2,480 ล้านบาทหรือ 19.50%
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ฯ แนะนำมอง ผลประกอบการ BDMS ดีกว่าคาด 8% กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 3/2560 เพิ่มขึ้น 51% จากไตรมาส 2 โดยรายได้อยู่ที่ 1.95 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และ 14% จากไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นจากทั้งจำนวนและรายได้ต่อเคส ผู้ป่วยไทยและต่างประเทศ ทั้งนี้ BDMS มีรายการพิเศษ 2,200 ล้านบาทในไตรมาส 2/2560 จึงแนะนำให้ “ถือ” โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 22.80 บาท รอดูการประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2560

น.พ.ชาตรี ดวงเนตร กรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการการแพทย์ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มลูกค้าต่างประเทศดีขึ้น โดยเฉพาะจากจีน บริษัทมีโรงพยาบาลทั้งเครือ 45 แห่ง ลูกค้าจีนมาใช้บริการเป็นอันดับที่ 5 รองจาก เมียนมาอาหรับ สหรัฐอเมริกา และยุโรป ในอนาคตลูกค้าจีนน่าจะเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 1 แซงเมียนมา ซึ่งปัจจุบันเป็นนักท่องเที่ยวจีน ไม่ได้ทำประกันมา ขณะที่ลูกค้าจากอาหรับ เป็นคนไข้ที่เตรียมตัวมาพบแพทย์โดยตรง

“คนจีนที่มาหาหมอกับเรา เพื่อมารักษา เรื่องการมีบุตรยาก ผสมเทียม, มะเร็ง และโรคหัวใจ คนจีนนิยมมาก เพราะมี บุตรยาก” น.พ.ชาตรีกล่าว

ส่วนแนวโน้มธุรกิจการขายยา บริษัทเพิ่งดำเนินการ เวลาในการติดตาม ยังน้อยเกินไปที่จะสรุปว่าดีหรือไม่ ส่วนกรณีที่อาหรับมาน้อยลง จากการใช้งบประมาณ ยกเว้น คูเวต และโอมาน มามากขึ้น คนจากภาคเอกชนดีขึ้น

บาร์ไลน์ฐาน ด้านแผนงานในปี 2561 บริษัทกำลังก่อสร้าง 5 แห่ง คาดพร้อมเปิดดำเนินการได้ 3 แห่ง คือ โรงพยาบาลนานาชาติฟินิกซ์ โรงพยาบาลที่เชียงราย และสมิติเวชเจแปนนิส รักษาคนไข้ญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ส่วนอีก 2 โรงพยาบาล ยังอยู่ระหว่างการตอกเสาเข็ม คือโรงพยาบาลที่รักษาอาการต่อเนื่อง เช่น กายภาพบำบัด และโรงพยาบาลที่เมียนมา คาดว่าประมาณ 2-3 ปี กว่าจะเปิดได้ ก่อนหน้านี้ได้เปิดที่ จ.สุราษฎร์ธานี ส่วนการเปิดคลินิก เวชศาสตร์ ชะลอวัย ที่ปาร์คนายเลิศ คาดปลายไตรมาส นี้ พร้อมจะเปิดให้บริการเฟสแรก

น.พ.ชาตรี กล่าวว่า ภาวะการแข่งขันของธุรกิจโรงพยาบาล คาดว่าจะเห็นมากขึ้นในปีหน้า จากการเปิดใหม่มากขึ้น สถาน การณ์ยังไม่เห็นโอกาสที่จะซื้อได้ แต่ก็ไม่ได้ปิดโอกาสการซื้อ โดยบริษัทพร้อมจะให้ความช่วยเหลือตามนโยบายของนายปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับ “โรงพยาบาลในเครือบีดีเอ็มเอส-วิริยะประกันภัย-แองเจิ้ลไลฟ์ และสทท.” เซ็นเอ็มโอยูโครงการนำร่องยกระดับความปลอดภัยนักท่องเที่ยวจีนครบวงจร “Tourism Healthcare Emergency System” ครอบคลุมแผนประกันภัยเริ่มต้น 50 บาทต่อวัน รับสิทธิรักษาในโรงพยาบาล เครือบีดีเอ็มเอสทั่วประเทศ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,314 วันที่ 16 - 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว