‘เบบี้ สวิมมิ่ง’ ผนึกทุนญี่ปุ่น! ตั้งศูนย์เรียนรู้ ต่อยอดปั้นนักว่ายน้ำมือโปร

02 พ.ย. 2560 | 05:38 น.
1233

“เบบี้ สวิมมิ่ง” เดินหน้าผนึกพาร์ตเนอร์สโมสรว่ายน้ำดังจากแดนซามูไร พัฒนาหลักสูตรปั้นนักกีฬาว่ายน้ำระดับโลก พร้อมต่อยอดสู่ “LEARNING CENTER” ศูนย์การเรียนรู้ครบวงจร หลังประสบความสำเร็จสอนว่ายน้ำเด็กเล็กตั้งแต่วัย 4 เดือน ถึง 6 ขวบ เล็งปักหมุดขยายสาขาเพิ่มอีก 3 แห่ง ในปีหน้า


นายพลภัทร นิติธรรมยง เจ้าของและผู้ก่อตั้ง บริษัท เบบี้ สวิมมิ่ง แฟมิลี่ จำกัด ผู้ให้บริการสระว่ายน้ำสำหรับเด็ก “Baby Swimming Thailand” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังเปิดตัวสระว่ายน้ำสำหรับเด็กเล็ก ที่มีอายุตั้งแต่ 4 เดือน ไปจนถึง 6 ปี ภายใต้ชื่อ ‘Baby Swimming Thailand’ เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน เปิดให้บริการแล้ว 4 แห่ง ได้แก่ บางแสน, พระราม 9 (หมู่บ้านสัมมากร), พระราม 2 และ ถ.เจริญราษฎร์ สาทร และมีแผนขยายสาขาเพิ่มเติมในปีหน้าเพิ่มอีก 3 แห่ง แบ่งเป็น สาขาที่บริษัทลงทุนเอง 1 แห่ง และสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ 2 แห่ง ในย่านพระราม 9 (หลังคอมมิวนิตี้มอลล์ เดอะ ไนน์ พระราม 9) และ จ.กระบี่ โดยแต่ละสาขาใช้งบประมาณในการก่อสร้าง (ไม่รวมที่ดินและการตกแต่ง) ราว 6-8 ล้านบาท

 

[caption id="attachment_224375" align="aligncenter" width="406"] พลภัทร นิติธรรมยง เจ้าของและผู้ก่อตั้ง บริษัท เบบี้ สวิมมิ่ง แฟมิลี่ จำกัด พลภัทร นิติธรรมยง เจ้าของและผู้ก่อตั้ง บริษัท เบบี้ สวิมมิ่ง แฟมิลี่ จำกัด[/caption]

“มองว่า ในเมืองไทยปัจจุบันยังไม่มีสถาบันการเรียนรู้ด้านกิจกรรมสำหรับเด็กเล็กที่มีหลักสูตรชัดเจน และมาตรฐานในเมืองไทยยังมีน้อย โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจบริการสระว่ายน้ำสำหรับเด็กเล็กที่มีอยู่น้อย ดังนั้น บริษัทจึงมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ จึงได้เปิดตัว ‘Baby Swimming Thailand’ ขึ้น ซึ่งมองว่า ช่วงวัยแรกเกิดถึง 4 เดือน คือ ช่วงวัยที่เหมาะสมในการเรียนว่ายน้ำมากที่สุด เนื่องจากสามารถจดจำการว่ายน้ำได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์”

ขณะที่ แผนการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น นับจากนี้จะให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ให้เป็นเอกลักษณ์ ผ่านพนักงานต้อนรับ รูปแบบการให้บริการ และหลักสูตรที่เหมาะสมสำหรับเด็กเล็กวัย 4 เดือน ถึง 6 ขวบ ผ่านมาตรฐาน ISO9001/2015 ที่บริษัทได้รับการรับรองสำหรับกลุ่มธุรกิจด้านบริการ และออกแบบพัฒนาหลักสูตรที่เพิ่งได้รับการรับรองมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ก่อนจะขยายหลักสูตรเพิ่มเติมสำหรับเด็กวัย 6 ขวบขึ้นไป ในอนาคต โดยเป็นรูปแบบการร่วมทุนในการขยายและพัฒนาหลักสูตรร่วมกับพาร์ตเนอร์สโมสรว่ายน้ำชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น โดยมีเป้าหมายร่วมกัน คือ การปั้นนักกีฬาว่ายน้ำไปยังระดับโลกในระดับโอลิมปิกในอนาคต

“โจทย์หลักในการสร้างแบรนด์ของเรานับจากนี้ คือ ทำอย่างไร? เมื่อเห็นรูปแบบการให้บริการ และคอนเซ็ปต์ในการตกแต่งจะรู้ทันทันว่า นี่คือ ‘Baby Swimming Thailand’ นอกจากนี้ ยังมีแผนร่วมมือกับพาร์ตเนอร์จากประเทศญี่ปุ่น ในการขยายการดำเนินธุรกิจที่ไม่เพียงเป็นแค่สถานที่เรียนว่ายน้ำสำหรับเด็กเท่านั้น หากแต่ในอนาคตบริษัทยังมีแผนเปิดศูนย์การเรียนรู้สำหรับเด็ก ‘LEARNING CENTER’ ที่รวมเอากลุ่มการเรียนรู้สำหรับเด็ก ทั้งในส่วนของ IQ และ EQ แบบครบวงจรมาไว้เข้าด้วยกัน เบื้องต้น อยู่ระหว่างการศึกษาหลักสูตรในส่วนของ IQ ที่จะนำมาใช้เพิ่มเติม”


โปรโมทแทรกอีบุ๊ก

สำหรับรูปแบบการให้บริการของสระว่ายน้ำสำหรับเด็กนั้น ประกอบไปด้วย 2 ช่วงวัย ได้แก่ อายุ 4 เดือน ถึง 3 ขวบ ค่าใช้จ่ายในการเรียน 8,000 บาท 11 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที และคอร์สสำหรับเด็กโต ตั้งแต่ 3-6 ขวบ ค่าใช้จ่ายในการเรียน 9,500 บาท โดยประกอบไปด้วย หลักสูตรการเรียนสำหรับแต่ละช่วงวัย ได้แก่ 4 เดือน ถึง 1 ขวบ ในหลักสูตรสตาร์ฟิช (Star Fish), 1-2 ขวบ หลักสูตรนีโม่ (Nemo), 2-3 ขวบ หลักสูตรดอลฟิน (Dolphin) และวัย 3 ขวบขึ้นไป กับหลักสูตรชาร์ก (Shark) โดยบริษัทวางเป้าหมายการเติบโตในแง่ของจำนวนเด็กที่มาเข้าเรียนในช่วงสิ้นปีหน้าเพิ่มขึ้น 50% จากปัจจุบันที่บริษัทมีเด็กเล็กมาเรียนว่ายน้ำแล้วกว่า 1,000 ราย

อย่างไรก็ตาม มองว่า แม้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการรุกเข้าไปในธุรกิจการเรียนรู้สำหรับเด็กแบบครบวงจร แต่ว่าจะเน้นมองหาหรือพัฒนาหลักสูตรที่ตอบโจทย์มากที่สุดในอนาคต ทั้งในแง่ของ EQ และ IQ โดยจะไม่เข้าไปแข่งขันในธุรกิจโรงเรียนกวดวิชา ที่ถือว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันสูง (Red Ocean) แต่จะเน้นพัฒนาหลักสูตรร่วมกับพันธมิตรจากญี่ปุ่น เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายพ่อแม่สมัยใหม่ ที่ต้องการพัฒนาทั้งไอคิวและอีคิวของลูก ๆ ไปพร้อมกันมากกว่า

“ปัจจุบัน มีกลุ่มทุนหลายธุรกิจจากประเทศญี่ปุ่นให้ความสนใจขยายการทำธุรกิจเข้ามาในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น เนื่องจากหลายธุรกิจในญี่ปุ่นเริ่มอิ่มตัว โดยอาศัยองค์ความรู้ที่มีจากการดำเนินธุรกิจในญี่ปุ่นเข้ามาใช้ และกลุ่มธุรกิจการเรียนรู้สำหรับเด็ก คือ อีกหนึ่งตลาดที่ให้ความสนใจ ดังนั้น บริษัทจึงมองเห็นโอกาสทางการเติบโตในตลาดดังกล่าว และมีแผนขยายต่อเนื่องในอนาคต”


หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,309 วันที่ 29 ต.ค. - 1 พ.ย. 2560 หน้า 34




ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว