กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.05-33.35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.05-33.35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ธปท.ชี้ระบบการเงินไทยมีเสถียรภาพ

-24 ต.ค.60-กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.05-33.35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 33.17 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยมูลค่า 7.2 พันล้านบาทและ 6.0 พันล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของไทยและสหรัฐฯ ปรับขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบทุกสกุลเงินสำคัญ หลังมีแนวโน้มที่ประธานาธิบดีทรัมป์อาจแต่งตั้งนายจอห์น เทย์เลอร์ มาเป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ และตลาดเริ่มมีความหวังต่อการปฏิรูปภาษีของรัฐบาลทรัมป์หลังวุฒิสภารับรองแผนงบประมาณประจำปี 2561

ค่าเงินบาทมีทิศทางทรงตัวในช่วงเปิดซื้อขายสัปดาห์นี้ ตลาดรอการประกาศการแต่งตั้งว่าที่ประธานเฟด ซึ่งอาจจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า นายเจอโรม พาวเวลล์ ผู้ว่าการเฟดคนปัจจุบัน จะได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานเฟดคนใหม่ ซึ่งเป็นการต่อยอดการปรับสมดุลนโยบายทางการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป ภายใต้นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน อย่างไรก็ดี นายเทย์เลอร์ยังมีโอกาสได้รับตำแหน่งดังกล่าว หลังจากที่นายเทย์เลอร์แสดงการปรับตัวเข้ากับนโยบายปัจจุบันของเฟดบางส่วน ถ้านายเทย์เลอร์ได้รับเลือก การปรับฐานของดอลลาร์อาจยืดระยะเวลาออกไป  นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงให้ความสนใจมติธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในการลดการซื้อสินทรัพย์หลังสิ้นปีนี้ โดยอีซีบีมีแนวโน้มที่จะซื้อสินทรัพย์ในระดับ 2-3 หมื่นล้านยูโร และยืดระยะเวลา QE ไปถึงเดือนกันยายน 2561 อย่างไรก็ดี เรามองว่ามีโอกาสที่ทางอีซีบีจะลดปริมาณ QE ในระดับที่น้อยกว่าคาด ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ยังต่ำ และสถานการณ์การเมืองในยุโรปที่ยังมีความเสี่ยงต่อเนื่อง

สำหรับปัจจัยในประเทศ ความกังวลต่อความผันผวนของตลาดการเงินอาจลดน้อยลง หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยว่าระบบการเงินของไทยมีเสถียรภาพเพียงพอที่จะรองรับเงินทุนไหลออกจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่เงินทุนสำรองภายในประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่วนแนวโน้มการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงอยู่ต่อไป หลังยอดดุลการค้าเพิ่มขึ้นกว่าคาด ท่ามกลางอานิสงส์จากการส่งออกที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง