“เดือนมิถุนายน 2561 จะประกาศวันเลือกตั้ง และเดือนพฤศจิกายน 2561 จะมีการเลือกตั้ง ผมไม่ต้องการที่จะหน่วงเวลาอะไรไว้ทั้งสิ้น ในส่วนของเดือนตุลาคมนี้ เป็นช่วงที่คนไทยทุกคนอยู่ในช่วงเวลาโศกเศร้าอาลัย ขอให้ทุกอย่างอยู่บนสถานการณ์แห่งความสงบ ขอให้ทุกคน นักการเมือง พรรคการเมือง อยู่ในความสงบ ซึ่งก็จะมีผลต่อการพิจารณามาตรการในการผ่อนคลายต่างๆ ด้วย” นั่นเป็นคำประกาศที่ออกมาจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา
เมื่อคนระดับ
“ผู้นำประเทศ” ได้ลั่นวาจาไว้อย่างนี้แล้ว องคาพยพต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลักดันกฎหมายเพื่อนำไปสู่
“การเลือกตั้ง”ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. จะมาเตะถ่วง หรือยื้อกฎหมายไว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะการที่
“นายกฯ” ประกาศไว้เช่นนั้น ก็เหมือนกับ
“คำพูดเป็นนาย” หากการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามที่ผู้นำรัฐบาลลั่นวาจาไว้ และต้องยื้อออกไปอีกโดยไม่มีเหตุผลที่หนักแน่นเพียงพอรองรับ คนที่จะ
“เสียหาย” ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ นั่นเอง
[caption id="attachment_219720" align="aligncenter" width="503"]
วันที่ 10 ต.ค.60 หุ้นไทยปิดตลาด พุ่ง 14.73 ดัชนีที่ 1,706 จุด[/caption]
“อานิสงส์” ในเชิงบวกที่เห็นเป็น
“รูปธรรม” จากความชัดเจนในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นปลายปี 2561 คือ ความคึกคักการลงทุนใน
“ตลาดหุ้น” ที่ส่งผลให้ดัชนีการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯพุ่งทะลุ 1,700 จุด ถือเป็นสถิติใหม่ในรอบ 23 ปีเลยทีเดียว สะท้อนว่าเมื่อ
“การเมือง” มีความชัดเจน ความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศก็จะเกิดขึ้น ซึ่ง
“อานิสงส์”ก็น่าจะเกิดขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมต่อไปไม่มากก็น้อย
ยังมีเรื่องให้ต้องตาม
“สะสาง” กันไม่หยุดหย่อน กับคดีค้างเก่าที่เกิดจาก
“กรรม”ของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อันเป็นผลพวงจาก พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฉบับใหม่ ที่เปิดทางให้
“ศาลฎีกานักการเมือง” เดินหน้าพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้
แม้
“เจ้าตัว” ไม่อยู่ในประเทศก็ตาม ทำให้ ป.ป.ช. ต้อง
“รื้อคดี” ขึ้นมาเดินหน้าใหม่ 2 คดีคือ การทุจริตปล่อยกู้ดอกเบี้ยตํ่าของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ให้รัฐบาลเมียนมา 4,000 ล้านบาท โดยเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มบริษัทชินคอร์ปฯ และกรณีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว หรือคดีหวยบนดิน ส่วนอีกคดีที่เกี่ยวกับ
“ภาคเอกชน” แต่ไม่เกี่ยวกับ ทักษิณ คือกรณีทุจริตจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงของกทม.
ปิดท้ายที่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานผ้าพระกฐินประจำปี 2560 ระหว่างวันที่ 6-15 ตุลาคม 2560 โดยในปีนี้นับเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งต่อเนื่องเป็นปีที่ 51 ที่ธนาคารน้อมถวาย ณ พระอารามหลวง 4 แห่งใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ ประกอบด้วยวัดพุทธภูมิ ยะลา, วัดชนาธิปเฉลิม สตูล, วัดชลธาราสิงเห นราธิวาสและวัดมุจลินทวาปิวิหาร ปัตตานี
เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และธำรงไว้ซึ่งความสถาพรแห่งพระพุทธศาสนาในประเทศไทย
คอลัมน์ : ฐานโซไซตี /หน้า 4 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ / ฉบับ 3305 ระหว่างวันที่ 15-18 ต.ค.2560