สทท.จี้ปราบโรงแรมเถื่อน ชงที่ประชุมบอร์ดท.ท.ช.ตอกย้ำแก้ปัญหาจริงจัง

18 ต.ค. 2560 | 10:57 น.
สทท. แนะเพิ่มอำนาจกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวเป็นวันสต็อปเซอร์วิส หวังแก้ปัญหาเป็นระบบ จี้
รัฐปราบโรงแรมเถื่อน ด้าน “พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล” ลุยสมุย จับสปา-ดำนํ้า ผิดกฎหมาย

การเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวเป็นปัญหาที่หมักหมมมานาน ยุครัฐบาล คสช. จึงใช้ไม้แข็งปราบปรามอย่างจริงจัง จัดระเบียบท่องเที่ยวรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในปี 2561 ที่จะมากถึง 36 ล้านคน สร้างรายได้ราว 3.01 ล้านล้านบาทและล่าสุดได้ยกสถานะตั้งกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวเพื่อสร้างความอุ่นใจให้ต่างชาติมากขึ้น

T02-3324h นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การจัดตั้งกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะปัญหาหลักของไทยคือนักท่องเที่ยวถูกเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งเมื่อมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเป็น 4,000 คนและส่งไปประจำครอบคลุมทุกพื้นที่เมืองท่องเที่ยวหลักจะช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัย สร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ทั้งยังจะทำให้ผู้ประกอบการที่ทำผิดเกิดความเกรงกลัว เพราะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจตราอยู่เป็นประจำ แต่อย่างไรก็ดี ต้องให้อำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ เป็นวันสต็อปเซอร์วิสเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวในการแจ้งความหรือดำเนินการทางคดีได้จากเดิมที่ต้องไปแจ้งความกับตำรวจท้องที่เท่านั้น

MP22-3305-B รวมถึงปัญหาโรงแรมเถื่อนหรือโรงแรมที่ไม่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) ครั้งหน้า สทท.จะเสนอต่อที่ประชุมเพื่อตอกยํ้าให้มีการแก้ปัญหาโรงแรมเถื่อนอีกครั้ง หลังพบว่ายังมีการระบาดหนักในหัวเมืองท่องเที่ยวประเมินคร่าวๆ พบว่า 70% ของธุรกิจโรงแรมในเมืองไทยเป็นโรงแรมที่ไม่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย จึงต้องการให้รัฐเข้าไปดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง

นายอิทธิฤทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า ปัญหาของผู้ประกอบการอีกเรื่องหนึ่งคือการที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้ามาตรวจสอบการใช้งบประมาณ อย่างเข้มงวด และระงับการใช้งบประมาณขององค์กรท้องถิ่นองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในการเดินทางไปส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้เกิดผลกระทบในหลายพื้นที่ ทั้งพัทยา เกาะสมุย ภูเก็ต เขาหลัก พื้นที่กลุ่มทะเลอันดามัน ผู้ประกอบการจึงจะรวมตัวกันเรียกร้องเรื่องนี้เพราะเกิดผลกระทบต่อธุรกิจ เนื่องจากท้องถิ่นจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการไปแล้วพื้นที่ละ 1-2% ซึ่งจะต้องเจียดเงินส่วนหนึ่งมาทำการส่งเสริมการตลาด แต่ขณะนี้ทำไม่ได้เกิดผลเสียหายต่อธุรกิจ จึงรวมตัวกันร้องเรียกในเรื่องดังกล่าว

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ01 ด้านพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า ล่าสุดทางกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้ร่วมมือกับทางสาธารณสุข จังหวัดสุราษฎร์ ธานี และตำรวจกองคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงหน่วยอรินทราช ปิดเกาะสมุย จับสถานเสริมความงาม และครูสอนดำนํ้าเถื่อน รวมทั้งกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ รับปีการท่องเที่ยว โดยได้บุกเข้า ตรวจโอเอซิส สปา ตำบลแม่นํ้า เกาะสมุย ซึ่งเป็นสถานบริการสุขภาพที่เปิดให้บริการทำดีท็อกซ์ และฝังเข็มหลังจากได้รับรายงานว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการ เกิดปัญหาหลายราย

จากการตรวจค้นในเบื้องต้นพบว่าสถานประกอบการดังกล่าว มีชาวต่างชาติเป็นเจ้าของกิจการ โดยผู้ให้บริการส่วนใหญ่ เป็นชาวต่างชาติ และไม่มีแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีใบประกอบโรคศิลปะ ให้บริการ รวมถึงผู้ให้ บริการส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน และใบอนุญาตทำงานผิดประเภท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,305 วันที่ 15 - 18 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว