บอร์ดTFGไฟเขียวปันผลระหว่างกาล 0.05 บ./หุ้น-ขึ้น XD 18 ต.ค. นี้
บอร์ด TFG อนุมัติปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.05 บาท/หุ้น-ขึ้น XD วันที่ 18 ต.ค. ผู้ถือหุ้นเตรียมรับเงินเข้ากระเป๋าในวันที่ 3 พ.ย.นี้ ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ สะท้อนความสามารถในการสร้างรายได้และผลตอบแทนที่ดี “เชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์”ชูธงปี”60 รายได้โตเกิน 20% ตามเป้าหมาย หลังเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าที่มีกำไรขั้นต้นสูง
นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TFG) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทมีมติจ่ายปันผลเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560-30 มิถุนายน 2560 ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท คิดเป็นเงินประมาณ 255.47 ล้านบาท ขึ้น XD วันที่ 18 ตุลาคม 2560 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับปันผลในวันที่ 20 ตุลาคม 2560 (Record Date) และกำหนดจ่ายปันผลระหว่างกาลในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2560
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในงวดครึ่งแรกของปี 2560 บริษัทฯมีรายได้สูงกว่า 12,160 ล้านบาท และกำไรสุทธิ ประมาณ 747 ล้านบาท และสามารถล้างขาดทุนสะสมหมดแล้ว บริษัทฯมีกำไรสะสมจำนวน 470 ล้านบาท
“ถือเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งแรก นับตั้งแต่บริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2558 แม้จะเป็นจำนวนที่ไม่มากนัก แต่น่าจะสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างรายได้ และผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระดับหนึ่ง นอกเหนือจากการวอร์แรนต์ 1 และวอร์แรนต์ 2 ออกให้กับผู้ถือหุ้นก่อนหน้านี้ไปแล้ว”นายเชิดศักดิ์กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยขยายการจำหน่ายสินค้าเพิ่มเข้าไปในช่องทางที่จะได้กำไรขั้นต้นสูงขึ้น และราคาไม่อ่อนไหวตามตลาดในประเทศมากเกินไป เช่น การขยายการขายไก่แช่แข็ง เข้าสู่ตลาดส่งออก ตลาดอุตสาหกรรม และ ตลาดฟู้ดส์เซอร์วิส และเพิ่มโรงชำแหละสุกร เพื่อขยายการขายชิ้นส่วนสุกรชำแหละ เข้าสู่ตลาดโมเดิร์นเทรด โดยมีเป้าหมายครึ่งหนึ่งของกำลังผลิต เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องราคาตลาดสุกรที่อ่อนไหว
นอกจากนี้ บริษัทฯได้เพิ่มปริมาณ และประสิทธิภาพการผลิต ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ทั้งห่วงโซ่มูลค่าของ Feed Farm Food ทำให้สามารถเป็น Low Cost Supplier ในทุกประเภทสินค้าหลักได้ในภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น
“ในปีนี้บริษัทฯ วางกลยุทธ์เน้นการเพิ่มปริมาณสินค้าไก่แช่แข็งส่งออก น่าจะสามารถขายสินค้าส่งออกตามเป้าหมาย 32,000 ตันต่อปี ซึ่งจะเติบโตเชิงปริมาณ ประมาณ 33% จากปีที่แล้ว 24,000 ตัน โดยมีผลพลอยได้จากราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ได้รับผลลบจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น โดยคำนวณสุทธิแล้ว ยังเป็นผลบวก และ สนับสนุนให้รายรวมได้ทั้งปี น่าจะบรรลุเป้าหมาย ทั้งนี้ ในปี 2561 บริษัทฯตั้งเป้าหมายขยายการส่งออกไก่แช่แข็งอย่างต่อเนื่อง”นายเชิดศักดิ์กล่าว
ขณะเดียวกันบริษัทฯยังเน้นการขยายการขายในตลาด อุตสาหกรรม ซึ่งใช้เนื้อไก่เย็น เพื่อผลิตเป็นสินค้าส่งออก ก็ได้รับอานิสงส์จากราคาปลายทางที่ดีขึ้น และมีปริมาณการสั่งสินค้าต่อเนื่องและประจำ ส่งผลให้ปริมาณการขายสูงขึ้นเช่นเดียวกัน กับการขยายตลาดฟู้ดเซอร์วิส ที่ขยายต่อเนื่อง และ เป็นสินค้าที่ต้องตัดแต่งพิเศษ แต่ได้ราคาสูงกว่าขายในตลาดในประเทศทั่วไป
ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TFG) กล่าวอีกว่า ในปี 2561 บริษัทฯ ได้มีแผนธุรกิจและกลยุทธ์ ชัดเจนที่จะขยายการขายสินค้าทั้งสามแกนหลักคือ ไก่ สุกร และ อาหารสัตว์ โดยจะมี Growth Engine เพิ่มอีกหนึ่งแกน คือ โรงงานไก่ปรุงสุกที่จะเริ่มผลิตในต้นไตรมาส 3 ซึ่งมีกำลังการผลิต 25,800 ตันต่อปี และ ราคาขายสินค้าปรุงสุกส่งออก จะสูงกว่า ราคาไก่ดิบแช่แข็ง ขึ้นอีกระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังต้องเผชิญความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจ เกษตรอุตสาหกรรมในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงของราคาไก่ สุกร ในประเทศ ความเสี่ยงของโรคในสัตว์ ความเสี่ยงราคาวัตถุดิบในประเทศ เช่น ข้าวโพด และปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศ เช่น กากถั่วเหลือง ความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ย และอัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น
นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TFG) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทมีมติจ่ายปันผลเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560-30 มิถุนายน 2560 ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท คิดเป็นเงินประมาณ 255.47 ล้านบาท ขึ้น XD วันที่ 18 ตุลาคม 2560 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับปันผลในวันที่ 20 ตุลาคม 2560 (Record Date) และกำหนดจ่ายปันผลระหว่างกาลในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2560
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในงวดครึ่งแรกของปี 2560 บริษัทฯมีรายได้สูงกว่า 12,160 ล้านบาท และกำไรสุทธิ ประมาณ 747 ล้านบาท และสามารถล้างขาดทุนสะสมหมดแล้ว บริษัทฯมีกำไรสะสมจำนวน 470 ล้านบาท
“ถือเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งแรก นับตั้งแต่บริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2558 แม้จะเป็นจำนวนที่ไม่มากนัก แต่น่าจะสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างรายได้ และผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระดับหนึ่ง นอกเหนือจากการวอร์แรนต์ 1 และวอร์แรนต์ 2 ออกให้กับผู้ถือหุ้นก่อนหน้านี้ไปแล้ว”นายเชิดศักดิ์กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยขยายการจำหน่ายสินค้าเพิ่มเข้าไปในช่องทางที่จะได้กำไรขั้นต้นสูงขึ้น และราคาไม่อ่อนไหวตามตลาดในประเทศมากเกินไป เช่น การขยายการขายไก่แช่แข็ง เข้าสู่ตลาดส่งออก ตลาดอุตสาหกรรม และ ตลาดฟู้ดส์เซอร์วิส และเพิ่มโรงชำแหละสุกร เพื่อขยายการขายชิ้นส่วนสุกรชำแหละ เข้าสู่ตลาดโมเดิร์นเทรด โดยมีเป้าหมายครึ่งหนึ่งของกำลังผลิต เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องราคาตลาดสุกรที่อ่อนไหว
นอกจากนี้ บริษัทฯได้เพิ่มปริมาณ และประสิทธิภาพการผลิต ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ทั้งห่วงโซ่มูลค่าของ Feed Farm Food ทำให้สามารถเป็น Low Cost Supplier ในทุกประเภทสินค้าหลักได้ในภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น
“ในปีนี้บริษัทฯ วางกลยุทธ์เน้นการเพิ่มปริมาณสินค้าไก่แช่แข็งส่งออก น่าจะสามารถขายสินค้าส่งออกตามเป้าหมาย 32,000 ตันต่อปี ซึ่งจะเติบโตเชิงปริมาณ ประมาณ 33% จากปีที่แล้ว 24,000 ตัน โดยมีผลพลอยได้จากราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ได้รับผลลบจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น โดยคำนวณสุทธิแล้ว ยังเป็นผลบวก และ สนับสนุนให้รายรวมได้ทั้งปี น่าจะบรรลุเป้าหมาย ทั้งนี้ ในปี 2561 บริษัทฯตั้งเป้าหมายขยายการส่งออกไก่แช่แข็งอย่างต่อเนื่อง”นายเชิดศักดิ์กล่าว
ขณะเดียวกันบริษัทฯยังเน้นการขยายการขายในตลาด อุตสาหกรรม ซึ่งใช้เนื้อไก่เย็น เพื่อผลิตเป็นสินค้าส่งออก ก็ได้รับอานิสงส์จากราคาปลายทางที่ดีขึ้น และมีปริมาณการสั่งสินค้าต่อเนื่องและประจำ ส่งผลให้ปริมาณการขายสูงขึ้นเช่นเดียวกัน กับการขยายตลาดฟู้ดเซอร์วิส ที่ขยายต่อเนื่อง และ เป็นสินค้าที่ต้องตัดแต่งพิเศษ แต่ได้ราคาสูงกว่าขายในตลาดในประเทศทั่วไป
ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TFG) กล่าวอีกว่า ในปี 2561 บริษัทฯ ได้มีแผนธุรกิจและกลยุทธ์ ชัดเจนที่จะขยายการขายสินค้าทั้งสามแกนหลักคือ ไก่ สุกร และ อาหารสัตว์ โดยจะมี Growth Engine เพิ่มอีกหนึ่งแกน คือ โรงงานไก่ปรุงสุกที่จะเริ่มผลิตในต้นไตรมาส 3 ซึ่งมีกำลังการผลิต 25,800 ตันต่อปี และ ราคาขายสินค้าปรุงสุกส่งออก จะสูงกว่า ราคาไก่ดิบแช่แข็ง ขึ้นอีกระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังต้องเผชิญความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจ เกษตรอุตสาหกรรมในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงของราคาไก่ สุกร ในประเทศ ความเสี่ยงของโรคในสัตว์ ความเสี่ยงราคาวัตถุดิบในประเทศ เช่น ข้าวโพด และปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศ เช่น กากถั่วเหลือง ความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ย และอัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น
