สตง.จับตาเพิ่มทุนนกแอร์เสี่ยง ปลัดคลังยํ้าบินไทยต้องดูแผนให้ชัดก่อนเติมเงิน

25 ก.ย. 2560 | 09:13 น.
สตง.สั่งจับตาใกล้ชิดบินไทยเพิ่มทุนนกแอร์ห่วงเกิดความเสี่ยง หลังก่อนหน้านั้นส่งหนังสือถึงกระทรวงการคลังให้พิจารณาอย่างรอบคอบ ด้านปลัดคลังยํ้าต้องดูแผนให้ชัดก่อนเพิ่มทุน

หลังแผนระดมทุนครั้งแรก บมจ.นกแอร์เมื่อเดือนพฤษภาคมไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ขายได้หุ้นเพิ่มทุนได้เพียง 1,224 ล้านบาท ยังคงเหลือหุ้นอีก 114 ล้านหุ้นจากจำนวนหุ้นที่นำเสนอขาย 625 ล้านหุ้น ตั้งเป้าจะระดมทุนให้ได้ 2,281 ล้านบาท เนื่องจากการบินไทยซึ่งถือหุ้นใหญ่อยู่ 245 ล้านหุ้นสละสิทธิ์ โดยเห็นว่าแผนฟื้นฟูนกแอร์ไม่ชัดเจน ส่งผลให้นกแอร์ต้องระดมทุนรอบใหม่ โดยเป็นการนำเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering ) จะเปิดให้จองซื้อหุ้นและชำระค่าหุ้นในวันที่ 16-20 ตุลาคมนี้ ในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคา 1.50 บาทต่อหุ้น เพื่อระดมทุน 1,700 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องหลังขาดทุนสะสมสิ้นเดือนมิถุนายน 2560 จำนวน 3,800 ล้านบาท

นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ตรวจการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงการเพิ่มทุนของ บมจ.การบินไทย ในสายการบินนกแอร์ว่า ขณะนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ ติดตามอย่างใกล้ชิด และกำลังตรวจสอบถึงรายละเอียดต่างๆ ถึงความเสี่ยงในการเพิ่มทุนในครั้งนี้ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ มีการวิเคราะห์ถึงผลดีผลเสีย เหตุผลในการดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย

MP22-3299-A “ก่อนหน้านั้นสตง.ได้ส่งหนังสือแสดงความเห็นไปยังกระทรวงการคลังครั้งหนึ่งแล้วถึงการให้พิจารณาในเรื่องนี้อย่างรอบคอบและรอบด้านเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายในฐานะที่กระทรวงการคลังต้องกำกับดูแล ด้านนโยบายและคลังยังเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ในการบินไทยด้วย และขณะนี้ยังมีรายละเอียดที่ต้องพิจารณาอีกมาก”

นายพิศิษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า สตง.กำลังศึกษาหาข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ในประเด็นต่างๆ ที่น่าห่วง เป็นการทำหน้าที่ในฐานะผู้ตรวจสอบบัญชีที่จะให้ข้อสังเกตต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ ซึ่งเป็นการเฝ้าระวัง ติดตามอย่างใกล้ชิดไม่ให้เกิดความเสียหาย ส่วนการติดสินใจจะเพิ่มทุนในสายการบินนกแอร์หรือไม่ นั้นเป็นเรื่องของ ฝ่ายบริหารการบินไทยและคณะกรรมการการบินไทยสามารถตัดสินใจได้ และต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น สตง.จะทำหน้าที่ตรวจสอบและเฝ้าระวัง

ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เผยว่าก่อนหน้านั้น สตง. ได้มีหนังสือมาถึงกระทรวงการคลังเตือน
ให้พิจารณาถึงการเพิ่มทุนของการบินไทย ในนกแอร์ว่าควรพิจารณาให้รอบคอบ เนื่องจากฐานะการเงินการบินไทยไม่ได้ดีเท่าไร จะใส่เงินไปต้องมั่นใจว่าจะเกิดผลดีจริงๆ ส่วนการเพิ่มทุนรอบ 2 ในสายการบินนกแอร์ ปลัดคลังออกมาแสดงความ
เห็นในฐานะที่กระทรวงการคลังถือหุ้นการบินไทยว่า จะพิจารณาจากแผนธุรกิจของนกแอร์เป็นหลักว่าเป็นที่พอใจหรือไม่ และบอร์ดการบินไทยจะอนุมัติและใส่เงินหรือไม่เป็นอีกช็อตหนึ่งจากที่การบินไทยถือหุ้นในนกแอร์ 21%

นายปิยะ ยอดมณี ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.นกแอร์ เผยว่า จำนวนเงิน 1,700 ล้านบาท ที่จะได้จากการเพิ่มทุนรอบ 2 จะนำไปใช้ในการเป็นทุนหมุน เวียน ปรับปรุงฝูงบิน ส่วนแผน การดำเนินการหลังจากนี้จะมีการ ปรับโครงสร้างการบริหารงานใหม่ จัดบุคลากรให้เหมาะสม โดยเห็นว่าพนักงานมีส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ส่วนแผนการบริหารในช่วง 3 ปีแรก ถึงปี 2562 จะแบ่งออกเป็น 3 ระยะคือ ลดการขาดทุน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงาน เตรียมพร้อมการเติบโต และระยะสุดท้ายคือ การขยายธุรกิจ และในปีนี้ถึงปีหน้าจะมีการปลดระวางเครื่องบินออกจากฝูงบิน 7 ลำ เป็นเครื่องเอทีอาร์ 2 ลำ เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 จำนวน 5 ลำออกจากฝูงบิน และเบื้องต้นจะรุกเส้นทางบินและธุรกิจเช่าเหมาลำให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันนกแอร์มีเที่ยวบินเช่าเหมาลำเข้าจีนจากสนามบินต่างๆ 40 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทยกล่าวว่าหลังประชุมผู้ถือหุ้นสามัญสายการบินนกแอร์ (20 ก.ย.) ว่า การบินไทยพร้อมเพิ่มทุนในนกแอร์ หลังเห็นแผนชัดขึ้นและคาดว่าจะสามารถมีกำไรในปี 2561 ซึ่งทั้งการบินไทยและกลุ่มจุฬางกูรจะช่วยสนับสนุนนกแอร์ พร้อมทั้งจะตั้งคณะกรรมการพิเศษเข้ามาบริหารร่วมกันระหว่างการบินไทยและนกแอร์เริ่มประชุมในวันที่ 27 กันยายนนี้

อย่างไรก็ดี หลังจากนายพาที สารสิน ลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลค่าการซื้อขายหุ้นนกแอร์กลับมาคึกคัก ตั้งแต่วันที่ 15-21 กันยายน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 1,407 ล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,299 วันที่ 24 - 27 กันยายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว