บีโอไอมั่นใจทุนเอสเอ็มอีจากญี่ปุ่นบุกไทยปลายปีนี้คืบ ส่วนปีงบประมาณใหม่เดินแผนเคาะประตูเรียกถึงบ้าน
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) กล่าวในงาน“EEC แม่เหล็กเศรษฐกิจเชื่อมโลก” ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดยหนังสือพิมพ์มติชน(21ก.ย.60) ว่า สิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุนภายใต้พ.ร.บ.ใหม่ จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่เกิน 13 ปี จากที่กฏหมายเดิมได้สูงสุดไม่เกิน8ปี โดยกิจการที่ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด เช่น กิจการที่มีการวิจัยและพัฒนา กิจการที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง มีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา เพื่อสนับสนุนให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนในพื้นที่อีอีซี จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมคือ ได้ลดหย่อนภาษี 50% เพิ่มอีก 5 ปี จากสิทธิประโยชน์ที่ได้รับอยู่แล้ว และคาดว่าการลงทุนจะเกิดขึ้นมากในพื้นที่อีอีซี
[caption id="attachment_125857" align="aligncenter" width="400"]
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์[/caption]
“มองว่าถ้าพัฒนากระดูกสันหลังได้ กล้ามเนื้อก็จะตามามากขึ้น ซึ่งขณะนี้การลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออกก็มีทุนญี่ปุ่นเข้ามายื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนเป็นดันดับหนึ่ง โดยเฉพาะการลงทุนด้านยานยนต์ ปิโตรเคมีและอิเล็กทรอนิกส์”
นอกจากนี้บีโอไอยังมีกฎหมายอีกฉบับคือพ.ร.บ.เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยพ.ร.บ.นี้จะมีกองทุนเพิ่มขีดความสามารถวงเงิน10,000ล้านบาท แต่จะต้องอยู่ใน10กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ที่บีโอไอเน้นให้การส่งเสริม
สำหรับกลุ่มทุนญี่ปุ่นที่เข้ามาดูลู่ทางการลงทุนในไทยเมื่อเร็วๆนี้กว่า500บริษัทส่วนใหญ่เป็นทุนขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี ที่มีเทคโนโลยี คาดว่าภายในปลายปีนี้น่าจะมีความคืบหน้าจากการมาลงทุนของทุนกลุ่มนี้ สอดคล้องกับงบประมาณใหม่ที่จะเริ่ม1ตุลาคมนี้ บีโอไอมีแผนชักจูงการลงทุนจากหลายจังหวัดในญี่ปุ่น โดยพื้นที่ดังกล่าวจะตรงกับจังหวัดเป้าหมายที่บีโอไอจะเข้าไปชักจูงในลักษณะเคาะประตูเรียกการลงทุนถึงที่