เสนออนุมัติซื้อรถใหม่ ใช้ 300 คันให้บริการเส้นทางบขส.
บขส.เล็งเสนอเช่า-ซื้อรถใหม่บิ๊กล็อต 300 คันให้บริการ พร้อมเร่งศึกษาปริมาณผู้โดยสารเพื่อให้บริการใน 3 สถานีหลักจากพื้นที่กทม.ให้สามารถเดินทางใกล้บ้านไปได้ทั่วทุกภาค
นายจิรศักดิ์ เยาว์วัชสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” อยู่ระหว่างการเร่งเสนอขอเช่า-ซื้อรถเพิ่มอีก 300 คัน แม้ว่าช่วงก่อนนี้ได้เช่ารถไปแล้วจำนวน 100 คัน แต่ก็พบว่าเกิดความล่าช้ามานานเกือบปี โดยจะเร่งนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติให้ดำเนินการต่อไปโดยอยู่ระหว่างการวิเคราะห์รายละเอียดว่าการเช่า-ซื้อนั้นรูปแบบไหนจะดีที่สุด บขส. ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด อาทิ การซื้อรถจะมีมินิมัมความเสี่ยงอยู่ตรงไหนอย่างไรหากเกิดเหตุฉุกเฉินใดๆ บขส.ยังมีรถให้บริการได้หากเป็นการจัดซื้อ
“หากเช่าบขส.จะได้รถคันใหม่มาใช้งานตลอด แต่ก็มีข้อเสียเรื่องต้นทุนหากอัตราผู้โดยสารลดลงจะเกิดผลกระทบทันที เช่นเดียวกับการซื้อรถก็สามารถเลือกสเปกที่ดีได้ เมื่อเลยช่วงระยะเวลา 4-5 ปีไปแล้วต้นทุนไม่มี คงเหลือแต่เพียงภาระค่าซ่อมเท่านั้นจึงจะต้องบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด”
นอกจากนั้นยังได้ร่วมกับวิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จัดโครงการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการเพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการในด้านความปลอดภัยของพนักงานขับรถบขส.และเตรียมความพร้อมรองรับแผนการจัดตั้งสถาบันการฝึกอบรมทักษะการขับรถโดยสารสาธารณะชั้นสูงให้กับบุคลากรของบขส. โดยจะมีการวางโครงสร้างหลักสูตรจัดทำเครื่องมือและตำราการสอนโดยมีอาจารย์มาทำการสอนให้กับพนักงานขับรถ สำหรับหลักสูตรการสอนจะแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ 1.ระดับทั่วไป 2. ระดับโพรเฟสชันนัล 3. ระดับซีเนียร์ และ 4.สเปเชียลลิสต์
“เริ่มต้นจะมีประสบการณ์ขับรถ มีใบอนุญาตและอายุการทำงานทุกคน ที่จะต้องอยู่ในระดับ ที่1 หรือระดับทั่วไปก่อน เมื่อจะขึ้นสู่ระดับที่ 2 ซึ่งจะเป็นมืออาชีพขึ้นมาอีกนั้นก็จะต้องผ่านหลักสูตรตามที่บขส. กำหนดไว้ เช่นเดียวกับการก้าวขึ้นสู่ระดับที่ 3 หรือระดับซีเนียร์ที่สามารถเป็นครูฝึกได้นั้นก็จะต้องผ่านหลักสูตรด้านบริหารจัดการ ส่วนระดับที่ 4 ซึ่งจะต้องทำหน้าที่ควบคุมเส้นทางการเดินรถก็จะต้องผ่านหลักสูตรที่กำหนดเช่นกัน”
“ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือจะได้ผู้ขับรถที่มีจิตวิญญาณในการให้บริการจริงๆโดยภายในระยะเวลา 3 เดือนนี้โครงสร้างหลักสูตรแล้วเสร็จ และภายในสิ้นปีนี้จะเริ่มโครงการอย่างจริงจัง แต่เบื้องต้นจะปั้นระดับซีเนียร์ก่อน 20 คนเพื่อให้เป็นเทรนเนอร์ นับตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้จะเริ่มในรุ่นแรกตามโปรแกรมที่กำหนดไว้ทันที ทั้งนี้ภายในปีนี้และปีหน้ายังคิดว่าจะเริ่มปฏิบัติการกับพนักงานของบขส.โดยตรงก่อนซึ่งมี 1,000 คนต่อรถ 500 คัน หลังจากนั้นเมื่อโครงการประสบความสำเร็จอย่างดีก็จะนำไปพัฒนารถร่วมบขส. ที่มีอยู่ 5,000 คันต่อไป แม้บางส่วนจะมีศูนย์ของตนเองอยู่แล้วก็ตาม อีกทั้งยังเตรียมให้บริการกับผู้สนใจที่จะทำหน้าที่เข้าไปขับรถโดยสารทั่วไปอีกด้วยโดยจะร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ฝึกหลักสูตรนี้ทุกคนได้จดทะเบียนและมีคุณวุฒิวิชาชีพอย่างถูกต้องต่อไปด้วย”
ทั้งนี้บขส.ยังเตรียมศึกษาปริมาณความต้องการของผู้โดยสารแต่ละพื้นที่สถานีขนส่งกรณีต่อไปนี้บขส. และรถร่วมบริการมีแนวคิดจะให้บริการแต่ละสถานีขนส่งให้สามารถเดินทางไปทั่วทุกภาค โดยไปใช้บริการที่สถานีขนส่ง 3 สถานีหลักคือหมอชิต-เอกมัย-สายใต้ได้ทันที โดยหากต้องการเดินทางไปภาคเหนือหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็ไม่ต้องไปขึ้นที่หมอชิตเท่านั้น แต่สามารถไปขึ้นรถที่สถานีขนส่งสายใต้ที่ตลิ่งชัน หรือเอกมัยได้ทันทีเพื่อจะอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ซึ่งจะต้องมีการสำรวจข้อมูลประกอบผลการศึกษาก่อนดำเนินการ เช่นเดียวกันอาจจะจัดรถให้บริการเชื่อมระหว่างสถานีขนส่งหลักทั้ง 3 แห่งในพื้นที่กรุงเทพมหานครรองรับเอาไว้ด้วยเช่นกัน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,296 วันที่ 14 - 16 กันยายน พ.ศ. 2560
นายจิรศักดิ์ เยาว์วัชสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” อยู่ระหว่างการเร่งเสนอขอเช่า-ซื้อรถเพิ่มอีก 300 คัน แม้ว่าช่วงก่อนนี้ได้เช่ารถไปแล้วจำนวน 100 คัน แต่ก็พบว่าเกิดความล่าช้ามานานเกือบปี โดยจะเร่งนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติให้ดำเนินการต่อไปโดยอยู่ระหว่างการวิเคราะห์รายละเอียดว่าการเช่า-ซื้อนั้นรูปแบบไหนจะดีที่สุด บขส. ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด อาทิ การซื้อรถจะมีมินิมัมความเสี่ยงอยู่ตรงไหนอย่างไรหากเกิดเหตุฉุกเฉินใดๆ บขส.ยังมีรถให้บริการได้หากเป็นการจัดซื้อ
“หากเช่าบขส.จะได้รถคันใหม่มาใช้งานตลอด แต่ก็มีข้อเสียเรื่องต้นทุนหากอัตราผู้โดยสารลดลงจะเกิดผลกระทบทันที เช่นเดียวกับการซื้อรถก็สามารถเลือกสเปกที่ดีได้ เมื่อเลยช่วงระยะเวลา 4-5 ปีไปแล้วต้นทุนไม่มี คงเหลือแต่เพียงภาระค่าซ่อมเท่านั้นจึงจะต้องบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด”
“เริ่มต้นจะมีประสบการณ์ขับรถ มีใบอนุญาตและอายุการทำงานทุกคน ที่จะต้องอยู่ในระดับ ที่1 หรือระดับทั่วไปก่อน เมื่อจะขึ้นสู่ระดับที่ 2 ซึ่งจะเป็นมืออาชีพขึ้นมาอีกนั้นก็จะต้องผ่านหลักสูตรตามที่บขส. กำหนดไว้ เช่นเดียวกับการก้าวขึ้นสู่ระดับที่ 3 หรือระดับซีเนียร์ที่สามารถเป็นครูฝึกได้นั้นก็จะต้องผ่านหลักสูตรด้านบริหารจัดการ ส่วนระดับที่ 4 ซึ่งจะต้องทำหน้าที่ควบคุมเส้นทางการเดินรถก็จะต้องผ่านหลักสูตรที่กำหนดเช่นกัน”
“ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือจะได้ผู้ขับรถที่มีจิตวิญญาณในการให้บริการจริงๆโดยภายในระยะเวลา 3 เดือนนี้โครงสร้างหลักสูตรแล้วเสร็จ และภายในสิ้นปีนี้จะเริ่มโครงการอย่างจริงจัง แต่เบื้องต้นจะปั้นระดับซีเนียร์ก่อน 20 คนเพื่อให้เป็นเทรนเนอร์ นับตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้จะเริ่มในรุ่นแรกตามโปรแกรมที่กำหนดไว้ทันที ทั้งนี้ภายในปีนี้และปีหน้ายังคิดว่าจะเริ่มปฏิบัติการกับพนักงานของบขส.โดยตรงก่อนซึ่งมี 1,000 คนต่อรถ 500 คัน หลังจากนั้นเมื่อโครงการประสบความสำเร็จอย่างดีก็จะนำไปพัฒนารถร่วมบขส. ที่มีอยู่ 5,000 คันต่อไป แม้บางส่วนจะมีศูนย์ของตนเองอยู่แล้วก็ตาม อีกทั้งยังเตรียมให้บริการกับผู้สนใจที่จะทำหน้าที่เข้าไปขับรถโดยสารทั่วไปอีกด้วยโดยจะร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ฝึกหลักสูตรนี้ทุกคนได้จดทะเบียนและมีคุณวุฒิวิชาชีพอย่างถูกต้องต่อไปด้วย”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,296 วันที่ 14 - 16 กันยายน พ.ศ. 2560
