ยังบลัด‘เดอะมอลล์’ ชู M Transformation ขับเคลื่อนองค์กรรับยุค IoT
เดอะ มอลล์เปิดตัวเลือดใหม่ “ทีม 4.0” ยํ้าแนวคิด M Transformation เผยซุ่มปรับตัวแรงจนสัดส่วนเพิ่มมากกว่า 50% พร้อมขับเคลื่อนการขยายธุรกิจของกลุ่ม และรองรับโลกแห่งอนาคต Internet of Thinks
การประกาศแนวคิด M Transformation เพื่อยกระดับเดอะ มอลล์ กรุ๊ป ให้ก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญสำหรับองค์กรที่ยืนหยัดมากว่า 30 ปี และมีการบริหารในรูปแบบกึ่งครอบครัว หัวใจสำคัญของการทรานส์ฟอร์เมชันที่ถูกจับตามองคือ “คน” ที่จะเข้ามาสานต่อธุรกิจ และเป็นพลังต่อในอนาคตที่ว่ากันว่าเป็นมืออาชีพทั้งจากแวดวงต่างๆ ในและต่างประเทศ วันนี้ “เดอะ มอลล์ กรุ๊ป” พร้อมเปิดตัวทีมการตลาด 4.0 ล็อตแรก ที่พร้อมรบในธุรกิจค้าปลีก 4.0 (retail 4.0) และผู้บริโภค 4.0 ที่พร้อมเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ทีมการตลาด 4.0 นำโดยนายกฤชคุณ พรธนนันท์ ผู้จัดการทั่วไป Marketing The Mall/Paragon/Bluport บริษัท เดอะ มอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า การปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้าในยุค 4.0 สิ่งสำคัญสุด คือ ต้องเข้าใจลูกค้า โดยนำบิ๊กดาต้าที่มีทั้งหมด มาวิเคราะห์ ถึงความต้องการและวางแผนในการจัดโปรโมชัน การสื่อสาร เพื่อดึงให้ลูกค้าเข้ามาในห้าง ก่อนที่จะนำเสนอ one to one marketing เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจต่อลูกค้า เพราะวันนี้ลูกค้าจะทำการบ้านก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้า ดังนั้นแค่การนำเสนอสิ่งที่ดี อย่างเดียวคงไม่พอ ต้องสร้างความประทับใจ ทั้งในด้านความเร็ว การให้บริการด้วยใจ และการพัฒนาต่อเนื่อง
ขณะที่นายสาลวิท สุวิพร ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป Marketing Emporium & Emquartier กล่าวว่า เพราะลูกค้าของเอ็มโพเรียมและเอ็มควอเทียร์แตกต่างจากเดอะ มอลล์ รูปแบบการนำเสนอและการเข้าหาจึงต้องแตกต่าง และต้องครีเอตเทรนด์ให้ได้ เพราะลูกค้าของศูนย์ไม่ใช่แค่เดินตามเทรนด์ ดังนั้นกลยุทธ์ในการนำเสนอจึงอยู่ในรูปแบบ KISS AND SALE Strategy รูปแบบของอีเวนต์ที่เกิดขึ้น จึงมุ่งสร้างประสบการณ์ใหม่ ทำให้ห้างเป็นมากกว่าห้างสรรพสินค้า ด้วยความแตกต่างและโดนใจ แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังจำเป็นต้องให้เกิดความบาลานซ์ และเข้าถึงความต้องการของลูกค้าที่แท้จริงเป็นหลัก
อีกหนึ่งเลือดใหม่ที่เข้ามาดูแลกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งทำยอดขายอันดับ 1 ให้กับเดอะ มอลล์ กรุ๊ป นางสาวรุ่งนภา ไตรวิทยานุรักษ์ ผู้จัดการทั่วไปการตลาด Gourmet Market & Home Fresh Mart กล่าวว่าการก้าว เข้าสู่ยุค 4.0 สิ่งสำคัญคือการตอบรับให้ทันกับกระแสที่เกิดขึ้น เพราะผู้บริโภครุ่นใหม่ มาเร็วไปเร็ว ต้องอยู่ในกระแส แต่ขณะเดียวกันก็ต้องการคุณภาพ ดังนั้น การเลือกใช้กลยุทธ์จึงต้องอยู่บนพื้นฐานของความเร็ว (ให้ทันกระแส) ตรงใจ ขณะที่สินค้าก็ต้องมีการนำเสนอและจัดเรียงได้ดี ซึ่งในแผนกรูเม่ต์ การผสมผสานออนไลน์ และออฟไลน์ มาร์เก็ตติ้งเข้าด้วยกัน จะเป็นรูปธรรมที่เห็นได้ชัดเจน เช่น เทศกาลสารทจีน พบว่า ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ได้รับความสนใจ มียอดสั่งซื้อจำนวนมาก แต่ขณะเดียวกัน ยอด สั่งซื้อในแผนกซูเปอร์ หรือออฟไลน์ ก็เติบโตขึ้น 50% ซึ่งในอนาคตจะมีรูปแบบใหม่ๆ เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีทั้งบริการดีลิเวอรี ผ่าน ไลน์แมน, ลาล่ามูฟ เป็นต้น
ด้านนายชำนาญ เมธปรีชากุล รองประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า เดอะ มอลล์ ให้ความสำคัญในเรื่องการ Re-organization องค์กร โดยการขับเคลื่อนองค์กรผสมผสานแนวคิดของผู้บริหารรุ่นใหม่และรุ่นเก่าเข้าด้วยกัน โดยวันนี้เดอะ มอลล์ กรุ๊ป มีผู้บริหารรุ่นใหม่ หรือทีม 4.0 ที่จะก้าวเข้ามาทรานส์ฟอร์เมชันองค์กรแล้วกว่า 50% ซึ่งคนเหล่านี้จะมารับไม้ต่อ และขับเคลื่อนให้องค์กรบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีทั้งกลุ่ม Gen X และ Gen Y
“วันนี้ทีมการตลาดรุ่นใหม่ของเดอะ มอลล์ มีอายุเฉลี่ยตั้งแต่ 20 ปลายถึง 30 ปีขึ้นไป ทั้งในส่วนดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง, อินเตอร์เนชั่นแนล มาร์เก็ตติ้ง, โปรโมชัน, เอเยนซี ฯลฯ และยังเฟ้นหาทีมบริหารระดับกลางลงล่างมาเสริมทัพอีก เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน เดอะ มอลล์ต้องเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานเพื่อรองรับกับลูกค้ารุ่นใหม่”
อย่างไรก็ดีสื่ออื่นๆ เช่น วิทยุ ทีวี ไดเร็กต์เมล์ เทเลโฟน คอลล์เซ็นเตอร์ โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ เฟซบุ๊กไลน์ ก็ยังถูกใช้อยู่ บริการ อี-เพย์เมนต์ อี-วอลเลต คลิกแอนด์คลอเร็ค ก็มีให้บริการ ดิลิเวอรี มีทั้งไลน์แมน ลาล่ามูฟ ทุกอย่างถูกนำมาใช้มากน้อยขึ้นอยู่กับงาน และเมื่อก้าวสู่ยุค internet of Thinks เต็มรูปแบบ เดอะ มอลล์ก็พร้อมก้าวเดินเคียงคู่กันได้ทันที
นายชำนาญ กล่าวอีกว่า วันนี้เมื่อรีเทลก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 มาร์เก็ตติ้ง 4.0 ผู้บริโภค 4.0 ทีมงานก็ต้องเป็นทีม 4.0 เพราะวันนี้ผู้บริโภค มีพลังทางข้อมูลข่าวสาร การเข้าใจโดยละเอียดในผลิตภัณฑ์ มีความทันสมัย รู้จริง ดังนั้นสินค้าจึงต้องมีคุณภาพตรงตามที่บอก การบ้านสำคัญของนักการตลาดจึงจะทำอย่างไรที่จะอินติเกรดการตลาดให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ จนวันหนึ่งจะเป็น No line
“ทีม 4.0 เป็นยุคทรานส์ฟอร์เมชัน เป็นยุคการเปลี่ยนผ่านของเดอะ มอลล์ กำลังปรับตัว ปรับแรง แต่เป็นการปรับแรงที่ระมัดระวัง ไม่อยากบอกว่าเป็นการพลิก เพราะสิ่งที่กำลังจะพลิกตอนนี้ ยังต้องรอเวลาว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด อาจจะเกิดพรุ่งนี้ หรือในอีก 2-3 ปี ก็เป็นได้”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,295 วันที่ 10 - 13 กันยายน พ.ศ. 2560
การประกาศแนวคิด M Transformation เพื่อยกระดับเดอะ มอลล์ กรุ๊ป ให้ก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญสำหรับองค์กรที่ยืนหยัดมากว่า 30 ปี และมีการบริหารในรูปแบบกึ่งครอบครัว หัวใจสำคัญของการทรานส์ฟอร์เมชันที่ถูกจับตามองคือ “คน” ที่จะเข้ามาสานต่อธุรกิจ และเป็นพลังต่อในอนาคตที่ว่ากันว่าเป็นมืออาชีพทั้งจากแวดวงต่างๆ ในและต่างประเทศ วันนี้ “เดอะ มอลล์ กรุ๊ป” พร้อมเปิดตัวทีมการตลาด 4.0 ล็อตแรก ที่พร้อมรบในธุรกิจค้าปลีก 4.0 (retail 4.0) และผู้บริโภค 4.0 ที่พร้อมเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ทีมการตลาด 4.0 นำโดยนายกฤชคุณ พรธนนันท์ ผู้จัดการทั่วไป Marketing The Mall/Paragon/Bluport บริษัท เดอะ มอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า การปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้าในยุค 4.0 สิ่งสำคัญสุด คือ ต้องเข้าใจลูกค้า โดยนำบิ๊กดาต้าที่มีทั้งหมด มาวิเคราะห์ ถึงความต้องการและวางแผนในการจัดโปรโมชัน การสื่อสาร เพื่อดึงให้ลูกค้าเข้ามาในห้าง ก่อนที่จะนำเสนอ one to one marketing เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจต่อลูกค้า เพราะวันนี้ลูกค้าจะทำการบ้านก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้า ดังนั้นแค่การนำเสนอสิ่งที่ดี อย่างเดียวคงไม่พอ ต้องสร้างความประทับใจ ทั้งในด้านความเร็ว การให้บริการด้วยใจ และการพัฒนาต่อเนื่อง
ขณะที่นายสาลวิท สุวิพร ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป Marketing Emporium & Emquartier กล่าวว่า เพราะลูกค้าของเอ็มโพเรียมและเอ็มควอเทียร์แตกต่างจากเดอะ มอลล์ รูปแบบการนำเสนอและการเข้าหาจึงต้องแตกต่าง และต้องครีเอตเทรนด์ให้ได้ เพราะลูกค้าของศูนย์ไม่ใช่แค่เดินตามเทรนด์ ดังนั้นกลยุทธ์ในการนำเสนอจึงอยู่ในรูปแบบ KISS AND SALE Strategy รูปแบบของอีเวนต์ที่เกิดขึ้น จึงมุ่งสร้างประสบการณ์ใหม่ ทำให้ห้างเป็นมากกว่าห้างสรรพสินค้า ด้วยความแตกต่างและโดนใจ แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังจำเป็นต้องให้เกิดความบาลานซ์ และเข้าถึงความต้องการของลูกค้าที่แท้จริงเป็นหลัก
อีกหนึ่งเลือดใหม่ที่เข้ามาดูแลกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งทำยอดขายอันดับ 1 ให้กับเดอะ มอลล์ กรุ๊ป นางสาวรุ่งนภา ไตรวิทยานุรักษ์ ผู้จัดการทั่วไปการตลาด Gourmet Market & Home Fresh Mart กล่าวว่าการก้าว เข้าสู่ยุค 4.0 สิ่งสำคัญคือการตอบรับให้ทันกับกระแสที่เกิดขึ้น เพราะผู้บริโภครุ่นใหม่ มาเร็วไปเร็ว ต้องอยู่ในกระแส แต่ขณะเดียวกันก็ต้องการคุณภาพ ดังนั้น การเลือกใช้กลยุทธ์จึงต้องอยู่บนพื้นฐานของความเร็ว (ให้ทันกระแส) ตรงใจ ขณะที่สินค้าก็ต้องมีการนำเสนอและจัดเรียงได้ดี ซึ่งในแผนกรูเม่ต์ การผสมผสานออนไลน์ และออฟไลน์ มาร์เก็ตติ้งเข้าด้วยกัน จะเป็นรูปธรรมที่เห็นได้ชัดเจน เช่น เทศกาลสารทจีน พบว่า ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ได้รับความสนใจ มียอดสั่งซื้อจำนวนมาก แต่ขณะเดียวกัน ยอด สั่งซื้อในแผนกซูเปอร์ หรือออฟไลน์ ก็เติบโตขึ้น 50% ซึ่งในอนาคตจะมีรูปแบบใหม่ๆ เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีทั้งบริการดีลิเวอรี ผ่าน ไลน์แมน, ลาล่ามูฟ เป็นต้น
“วันนี้ทีมการตลาดรุ่นใหม่ของเดอะ มอลล์ มีอายุเฉลี่ยตั้งแต่ 20 ปลายถึง 30 ปีขึ้นไป ทั้งในส่วนดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง, อินเตอร์เนชั่นแนล มาร์เก็ตติ้ง, โปรโมชัน, เอเยนซี ฯลฯ และยังเฟ้นหาทีมบริหารระดับกลางลงล่างมาเสริมทัพอีก เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน เดอะ มอลล์ต้องเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานเพื่อรองรับกับลูกค้ารุ่นใหม่”
อย่างไรก็ดีสื่ออื่นๆ เช่น วิทยุ ทีวี ไดเร็กต์เมล์ เทเลโฟน คอลล์เซ็นเตอร์ โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ เฟซบุ๊กไลน์ ก็ยังถูกใช้อยู่ บริการ อี-เพย์เมนต์ อี-วอลเลต คลิกแอนด์คลอเร็ค ก็มีให้บริการ ดิลิเวอรี มีทั้งไลน์แมน ลาล่ามูฟ ทุกอย่างถูกนำมาใช้มากน้อยขึ้นอยู่กับงาน และเมื่อก้าวสู่ยุค internet of Thinks เต็มรูปแบบ เดอะ มอลล์ก็พร้อมก้าวเดินเคียงคู่กันได้ทันที
นายชำนาญ กล่าวอีกว่า วันนี้เมื่อรีเทลก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 มาร์เก็ตติ้ง 4.0 ผู้บริโภค 4.0 ทีมงานก็ต้องเป็นทีม 4.0 เพราะวันนี้ผู้บริโภค มีพลังทางข้อมูลข่าวสาร การเข้าใจโดยละเอียดในผลิตภัณฑ์ มีความทันสมัย รู้จริง ดังนั้นสินค้าจึงต้องมีคุณภาพตรงตามที่บอก การบ้านสำคัญของนักการตลาดจึงจะทำอย่างไรที่จะอินติเกรดการตลาดให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ จนวันหนึ่งจะเป็น No line
“ทีม 4.0 เป็นยุคทรานส์ฟอร์เมชัน เป็นยุคการเปลี่ยนผ่านของเดอะ มอลล์ กำลังปรับตัว ปรับแรง แต่เป็นการปรับแรงที่ระมัดระวัง ไม่อยากบอกว่าเป็นการพลิก เพราะสิ่งที่กำลังจะพลิกตอนนี้ ยังต้องรอเวลาว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด อาจจะเกิดพรุ่งนี้ หรือในอีก 2-3 ปี ก็เป็นได้”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,295 วันที่ 10 - 13 กันยายน พ.ศ. 2560
