นายกฯยันคำสั่งม.44 แก้ปัญหาผลกระทบเหมืองแร่ทอง ชี้ประชาชนสำคัญกว่าผลประโยชน์

29 ส.ค. 2560 | 10:40 น.
นายกฯยืนยันคำสั่ง ม.44 แก้ไขปัญหาผลกระทบเหมืองแร่ทองคำ เพื่อตรวจสอบให้เกิดความชัดเจนว่าไม่กระทบกับประชาชนในพื้นที่ ระบุรัฐบาลให้ความสำคัญประชาชนมากกว่าผลประโยชน์

วันนี้ (29 สิงหาคม 2560) ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีการออกคำสั่ง ม.44 เรื่อง การแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ ภายหลังจากบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด จำกัด ผู้ประกอบการเหมืองแร่ ของออสเตรเลีย เป็นผู้ร่วมทุนใหญ่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส ยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยชดใช้ค่าเสียหายทางธุรกิจมูลค่า 750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 30,000 ล้านบาท ว่า

tuuu

ขออย่านำคดีรับจำนำข้าวมาเทียบกับเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งกรณีของบริษัทอัคราฯรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดำเนินการเพราะมีการเรียกร้องจากประชาชน จึงจำเป็นต้องสั่งให้หยุดการทำงาน เพื่อให้มีการตรวจสอบให้เกิดความชัดเจนว่ามีผลกระทบอะไรหรือไม่

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าการทำเพื่อประชาชนแม้ในทางกฏหมายมีทางสู้มากมาย แต่ก็ควรจะเสี่ยง ขณะเดียวกันควรคำนึงถึงประชาชนเพราะส่วนตัวไม่ได้ประโยชน์จากการ เปิด-ปิดเหมืองแร่ พร้อมกล่าวยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับประชาชนมากกว่า จะได้เงินหรือเสียเงินก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะหากไม่ดำเนินการก็จะไม่เกิดความชัดเจน รวมถึงเกิดการเรียกร้องเดินขบวน

ขณะที่ส่วนตัวทำตามคำเรียกร้องพอเกิดปัญหากลับให้รัฐบาลรับผิดชอบ จึงมองว่าเป็นคนละเรื่องกับคดีรับจำนำข้าว เพราะจำนำข้าวเป็นเรื่องของการทุจริต จึงขอให้แยกแยะด้วย

อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวยังไม่ได้มีการเรียกร้องใดๆ เพราะอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาและยังไม่ได้ตัดสินว่าใครผิดหรือถูก แต่หากเป็นเรื่องกฏหมายระหว่างประเทศก็ต้องสู้คดีต่อไป ซึ่งหากมีการใช้มาตรา 44 ส่วนตัวไม่ต้องกลัวอะไรเพราะมาตรา 44 คุ้มครองอยู่แล้ว จึงขอให้แยกแยะว่าส่วนตัวทำเพื่อใคร แต่ยืนยันจะพยายามทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย