ไร้แวว! ‘เฟียสต้าใหม่’ ลูกค้าร้องเรียนทำพิษ ฟอร์ดมุ่งปิกอัพ-เอสยูวี
หลังลงทุนกว่า 1.4 หมื่นล้านบาทสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ “ฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง” (FTM) ที่จังหวัดระยอง เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ดูเหมือนจะเป็นการลงหลักปักฐานที่จริงจัง และเพิ่มศักยภาพในอุตสาหกรรมยานยนต์ควบคู่ไปกับโรงงานออโต้ อัลลายแอนซ์ (AAT) ที่ร่วมทุนกับมาสด้า 50/50
โดยฟอร์ดใช้โรงงาน FTM ผลิตเก๋งคอมแพ็กต์รุ่น “โฟกัส”เป็นโมเดลแรก จากนั้นเสริมด้วยเอสยูวีขนาดเล็ก “เอคโคสปอร์ต” และปัจจุบันยังดึง “เฟียสต้า” และปิกอัพ “เรนเจอร์ ตัวถังดับเบิลแค็บ” จากโรงงาน AAT กลับไปผลิตที่โรงงานของตนเองเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม หากมองยอดขายของเฟียสต้าและโฟกัส ซึ่งถือเป็นรถยนต์นั่งรุ่นดังที่ประสบความสำเร็จในยุโรปและประเทศอื่นๆทั่วโลก ทว่าในเมืองไทยกลับทำยอดขายไม่เปรี้ยงปร้างตามหวัง
สำหรับ “เฟียสต้า” เริ่มเข้าสู่ปลายโมเดล(ส่วนโฉมใหม่เปิดตัวในตลาดโลกแล้ว) และที่ผ่านมา 3-4 มีปัญหาร้องเรียนจากลูกค้า จนกลายเป็นมหากาพย์เคลียร์กันไม่จบ ล่าสุดคดีกำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลแพ่ง
ทั้งนี้ฟอร์ด เริ่มทยอยปรับกำลังการผลิตและลดรุ่นย่อยของเฟียสต้า มาสักระยะแล้ว หรือจากที่เคยมีตัวถังซีดานและแฮตช์แบ็ก เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เครื่องยนต์อีโคบูสต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ ปัจจุบันเหลือเพียงรุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ตัวถังแฮตช์แบ็กทำตลาด ขณะที่ยอดขายครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.60)ทำได้เพียง 99 คัน ลดลง 56.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนรุ่นโฟกัสขายได้ 257 คันลดลง 13.8% (ตลาดครึ่งปีแรก ในกลุ่มซี-คาร์ โต 22.7%, ตลาดบี-คาร์ , อีโคคาร์ โต 26.9%)
ขณะที่เอคโคสปอร์ตทำยอดขายหลังผ่านไป 6 เดือนได้ 1,278 คัน เติบโต 36% แต่ดูจากสถานการณ์ของรถยนต์นั่งทั้ง 3 รุ่นที่ผลิตโรงงานเดียวกัน ต่อให้มีการส่งออกช่วยผลักดันกำลังผลิต หากสถานการณ์ในประเทศที่ทำยอดขายได้เท่านี้ ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ฟอร์ดต้องตระหนัก ส่วน “เฟียสต้า โฉมใหม่ โมเดลเชนจ์” อาจจะต้องลุ้นเหนื่อยว่าจะทำตลาดหรือยังมีแผนการผลิตที่โรงงาน FTM แห่งนี้อยู่หรือไม่
“ยอดขายรถยนต์นั่งของเราทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยที่กระทบส่วนหนึ่งมาจาก เฟียสต้า ที่ลูกค้าเข้ามาร้องเรียน ซึ่งเรื่องดังกล่าวเรามีการทำงานร่วมกับสคบ. และรับเรื่องร้องเรียนมา 187 เคส สามารถแก้ไขเจรจาจบไปแล้วบางส่วน ซึ่งความคืบหน้าตอนนี้เหลืออยู่เพียง 2 เคส ส่วนกรณีที่ลูกค้ากว่า 300 เคสที่ไปร้องต่อศาลแพ่งนั้น ก็อยู่ในระหว่างกระบวนการของศาล” นายณรงค์ สีตลายน รองกรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวและว่า
ปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้จบให้สิ้น มีผลต่อการทำตลาดของเฟียสต้า แต่ฟอร์ดยืนยันว่ารถรุ่นดังกล่าวยังคงอยู่ในไลน์การผลิตของโรงงาน ส่วนโมเดลใหม่จะมีหรือไม่มีนั้น ยังไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ โดยสิ่งที่บอกกล่าวได้ในตอนนี้คือการมุ่งไปที่โมเดล ฟอร์ด เรนเจอร์, ฟอร์ด เอเวอเรสต์ และฟอร์ด เอคโคสปอร์ต
นั่นเป็นคำกล่าวของหัวเรือใหญ่ที่รับผิดชอบด้านการตลาด ฝ่ายขายและบริการของฟอร์ด ประเทศไทย
นายณรงค์ ยืนยันว่า ฟอร์ดยังมุ่งมั่นในการลุยธุรกิจในเมืองไทย และดูแลลูกค้าอย่างเต็มที่ อย่างล่าสุดลงทุนสร้างศูนย์การกระจาย อะไหล่แห่งใหม่ บนถนนบางนาตราด กม. 18 (ขาเข้า) ประกอบด้วยอาคาร 25,200 ตารางเมตร มีพื้นที่เก็บของสูง 9 เมตร พื้นที่ใช้สอยรวมถึง79,000 ตารางเมตร ซึ่งในอนาคตจะโยกศูนย์ที่ระยองมารวมกับที่แห่งนี้
ขณะเดียวกัน ยังมีกลยุทธ์เปิดโชว์รูมรูปแบบใหม่ในอำเภอรอง ซึ่งเป็นไซซ์ขนาดเล็ก เริ่มแห่งแรกที่บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ขณะเดียวกันมีเป้าหมายที่จะขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการของฟอร์ดในปี 2560 ให้ได้ 145 แห่ง จากปัจจุบันที่มีจำนวน 140 แห่ง
นอกจากนี้ยังเตรียมขยายการบริการเป็นระยะเวลา 7 วัน พร้อมบริการเช็ก ระยะทันใจ รอรับได้ทันที และ บริการ Express Service 60Minutes Guaranteed ผ่านออนไลน์ บุ๊กกิ้งไปยังหัวเมืองใหญ่ๆครอบคลุมทั้งหมด 16 จังหวัด 27 โชว์รูม โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1กันยายนนี้
“เราพยายามมอบความสะดวกสบายให้กับลูกค้าที่เข้ารับบริการ อาทิ บริการ “Express Service 60 Minutes Guaranteed ผ่าน Online Booking” ที่ศูนย์บริการฟอร์ดกว่า30 แห่ง ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยลูกค้าต้องโทร.มานัดหมายเวลา หลังจากนั้นเมื่อนำรถเข้ามาตรวจเช็ก หากทางศูนย์ไม่สามารถให้บริการแล้วเสร็จภายใน 60 นาที ฟอร์ดจะไม่คิดค่าบริการ”นายณรงค์ กล่าว
สำหรับฟอร์ด ประเทศไทย ปิดยอดขายครึ่งปีแรกด้วยตัวเลขรวม 25,513 คัน เติบโต 41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 6.23% โดยพระเอกที่สร้างยอดขายเป็นกอบเป็นกำได้แก่ ปิกอัพ เรนเจอร์ 20,230 คัน เติบโต 51% ตามด้วยพีพีวี เอเวอเรสต์ 3,647 คัน เติบโต 14%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,287 วันที่ 13 -16 สิงหาคม พ.ศ. 2560
โดยฟอร์ดใช้โรงงาน FTM ผลิตเก๋งคอมแพ็กต์รุ่น “โฟกัส”เป็นโมเดลแรก จากนั้นเสริมด้วยเอสยูวีขนาดเล็ก “เอคโคสปอร์ต” และปัจจุบันยังดึง “เฟียสต้า” และปิกอัพ “เรนเจอร์ ตัวถังดับเบิลแค็บ” จากโรงงาน AAT กลับไปผลิตที่โรงงานของตนเองเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม หากมองยอดขายของเฟียสต้าและโฟกัส ซึ่งถือเป็นรถยนต์นั่งรุ่นดังที่ประสบความสำเร็จในยุโรปและประเทศอื่นๆทั่วโลก ทว่าในเมืองไทยกลับทำยอดขายไม่เปรี้ยงปร้างตามหวัง
ทั้งนี้ฟอร์ด เริ่มทยอยปรับกำลังการผลิตและลดรุ่นย่อยของเฟียสต้า มาสักระยะแล้ว หรือจากที่เคยมีตัวถังซีดานและแฮตช์แบ็ก เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เครื่องยนต์อีโคบูสต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ ปัจจุบันเหลือเพียงรุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ตัวถังแฮตช์แบ็กทำตลาด ขณะที่ยอดขายครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.60)ทำได้เพียง 99 คัน ลดลง 56.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนรุ่นโฟกัสขายได้ 257 คันลดลง 13.8% (ตลาดครึ่งปีแรก ในกลุ่มซี-คาร์ โต 22.7%, ตลาดบี-คาร์ , อีโคคาร์ โต 26.9%)
ขณะที่เอคโคสปอร์ตทำยอดขายหลังผ่านไป 6 เดือนได้ 1,278 คัน เติบโต 36% แต่ดูจากสถานการณ์ของรถยนต์นั่งทั้ง 3 รุ่นที่ผลิตโรงงานเดียวกัน ต่อให้มีการส่งออกช่วยผลักดันกำลังผลิต หากสถานการณ์ในประเทศที่ทำยอดขายได้เท่านี้ ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ฟอร์ดต้องตระหนัก ส่วน “เฟียสต้า โฉมใหม่ โมเดลเชนจ์” อาจจะต้องลุ้นเหนื่อยว่าจะทำตลาดหรือยังมีแผนการผลิตที่โรงงาน FTM แห่งนี้อยู่หรือไม่
“ยอดขายรถยนต์นั่งของเราทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยที่กระทบส่วนหนึ่งมาจาก เฟียสต้า ที่ลูกค้าเข้ามาร้องเรียน ซึ่งเรื่องดังกล่าวเรามีการทำงานร่วมกับสคบ. และรับเรื่องร้องเรียนมา 187 เคส สามารถแก้ไขเจรจาจบไปแล้วบางส่วน ซึ่งความคืบหน้าตอนนี้เหลืออยู่เพียง 2 เคส ส่วนกรณีที่ลูกค้ากว่า 300 เคสที่ไปร้องต่อศาลแพ่งนั้น ก็อยู่ในระหว่างกระบวนการของศาล” นายณรงค์ สีตลายน รองกรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวและว่า
ปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้จบให้สิ้น มีผลต่อการทำตลาดของเฟียสต้า แต่ฟอร์ดยืนยันว่ารถรุ่นดังกล่าวยังคงอยู่ในไลน์การผลิตของโรงงาน ส่วนโมเดลใหม่จะมีหรือไม่มีนั้น ยังไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ โดยสิ่งที่บอกกล่าวได้ในตอนนี้คือการมุ่งไปที่โมเดล ฟอร์ด เรนเจอร์, ฟอร์ด เอเวอเรสต์ และฟอร์ด เอคโคสปอร์ต
นั่นเป็นคำกล่าวของหัวเรือใหญ่ที่รับผิดชอบด้านการตลาด ฝ่ายขายและบริการของฟอร์ด ประเทศไทย
นายณรงค์ ยืนยันว่า ฟอร์ดยังมุ่งมั่นในการลุยธุรกิจในเมืองไทย และดูแลลูกค้าอย่างเต็มที่ อย่างล่าสุดลงทุนสร้างศูนย์การกระจาย อะไหล่แห่งใหม่ บนถนนบางนาตราด กม. 18 (ขาเข้า) ประกอบด้วยอาคาร 25,200 ตารางเมตร มีพื้นที่เก็บของสูง 9 เมตร พื้นที่ใช้สอยรวมถึง79,000 ตารางเมตร ซึ่งในอนาคตจะโยกศูนย์ที่ระยองมารวมกับที่แห่งนี้
ขณะเดียวกัน ยังมีกลยุทธ์เปิดโชว์รูมรูปแบบใหม่ในอำเภอรอง ซึ่งเป็นไซซ์ขนาดเล็ก เริ่มแห่งแรกที่บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ขณะเดียวกันมีเป้าหมายที่จะขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการของฟอร์ดในปี 2560 ให้ได้ 145 แห่ง จากปัจจุบันที่มีจำนวน 140 แห่ง
นอกจากนี้ยังเตรียมขยายการบริการเป็นระยะเวลา 7 วัน พร้อมบริการเช็ก ระยะทันใจ รอรับได้ทันที และ บริการ Express Service 60Minutes Guaranteed ผ่านออนไลน์ บุ๊กกิ้งไปยังหัวเมืองใหญ่ๆครอบคลุมทั้งหมด 16 จังหวัด 27 โชว์รูม โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1กันยายนนี้
“เราพยายามมอบความสะดวกสบายให้กับลูกค้าที่เข้ารับบริการ อาทิ บริการ “Express Service 60 Minutes Guaranteed ผ่าน Online Booking” ที่ศูนย์บริการฟอร์ดกว่า30 แห่ง ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยลูกค้าต้องโทร.มานัดหมายเวลา หลังจากนั้นเมื่อนำรถเข้ามาตรวจเช็ก หากทางศูนย์ไม่สามารถให้บริการแล้วเสร็จภายใน 60 นาที ฟอร์ดจะไม่คิดค่าบริการ”นายณรงค์ กล่าว
สำหรับฟอร์ด ประเทศไทย ปิดยอดขายครึ่งปีแรกด้วยตัวเลขรวม 25,513 คัน เติบโต 41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 6.23% โดยพระเอกที่สร้างยอดขายเป็นกอบเป็นกำได้แก่ ปิกอัพ เรนเจอร์ 20,230 คัน เติบโต 51% ตามด้วยพีพีวี เอเวอเรสต์ 3,647 คัน เติบโต 14%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,287 วันที่ 13 -16 สิงหาคม พ.ศ. 2560