ห้องชุดฝั่งนนทบุรีเหลือขาย80%
คอลลิเออร์ส เผยตัวเลขหน่วยเหลือขายคอนโดมิเนียม แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงยังมีร่วมหมื่นหน่วย ฝั่งนนทบุรีสูงถึง 80% ชี้เชื่อมต่อรถไฟฟ้าไม่ช่วยกระตุ้นตลาด
นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่น แนล ประเทศไทย เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากข้อมูลงานวิจัยพบว่า ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วงมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ตั้งแต่ปี 2553-ครึ่งแรกปี 2560 สะสมอยู่ที่ประมาณ 24,176 หน่วย แต่ถ้ารวมโครงการที่เปิดก่อนหน้านั้นก็คาดว่าจะมีมากกว่า 45,000 หน่วย โดยโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมากในปี 2555-2558 ไม่น้อยกว่าปีละ 4,000 หน่วย และในบางปีเกือบ 5,000 หน่วย แต่หลังจากปี 2558 พบว่าโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ลดลงอย่างชัดเจน
แม้ว่าเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วงจะเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม 2559 ก็ยังคงไม่ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ขายได้มากขึ้น เพราะยังไม่สามารถเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าเมืองได้แบบสมบูรณ์ และด้วยจำนวนที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในเวลาไม่กี่ปี ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ยังคงเหลือขายอยู่มากมาย แม้ว่าอัตราการขายในทำเลนี้จะสูงถึง 80%
[caption id="attachment_183412" align="aligncenter" width="503"]
สุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่น แนล ประเทศไทย[/caption]
แต่ถ้านับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมาก็จะมีคอนโดมิเนียมเหลือขายร่วมหมื่นหน่วย ผู้ประกอบการเจ้าของโครงการเกือบทุกรายที่มีโครงการเปิดขายในพื้นที่นี้ต่างพร้อมใจกันลดราคาขาย หรือหาโปรโมชันดึงดูดความสนใจออกมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลมีมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมและค่าโอนกรรมสิทธิ์ แต่เมื่อหมดมาตรการผู้ประกอบการในพื้นที่ยังคงมีการลดหย่อนค่าใช้จ่ายส่วนนี้ต่อเนื่องถึงสิ้นปี 2559 เพื่อเร่งระบายหน่วยเหลือขายที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ให้มากที่สุด
การที่มีโครงการคอนโด มิเนียมเปิดขายเป็นจำนวนมากในช่วง 3-4 ปี ทำให้เกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลายประกอบกับการที่เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง ยังไม่สามารถเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายหลัก เข้าสู่เมืองชั้นในได้โดยตรงยิ่งทำให้ความน่าสนใจของโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้ลดลง ทำให้มีคอนโดมิเนียมเหลือขายในพื้นที่จำนวนมาก
ประกอบกับสถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้กลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อการลงทุนระยะยาวหรือเก็งกำไรถูกปฏิเสธสินเชื่อ ทำให้ห้องชุดเหล่านี้กลับสู่ตลาดอีกครั้ง โดยคอนโด มิเนียมเหลือขายอยู่ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีประมาณ 80%
ราคาขายเฉลี่ยในพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 78,000 บาทต่อตารางเมตร ต้องยอมรับว่าคอนโดมิเนียมที่เปิดขายมีความหลากหลายของระดับราคาที่ค่อนข้าง?สูง เพราะมีบางโครงการเปิดขายในราคาตํ่ากว่า 50,000 บาทต่อตารางเมตร (พรีเซล) แต่ก็มีหลายโครงการที่มีราคาขายมากกว่า 120,000 บาทต่อตารางเมตรเช่นกัน ขึ้นอยู่กับทำเลและระดับของโครงการ โดยโครงการที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯจะมีราคาขายสูงกว่าโครงการที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนนทบุรี
“แม้เส้นทางรถไฟฟ้าจะเชื่อมต่อกันแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่อาจกระตุ้นตลาดได้มากนัก เนื่องจากความต้องการได้ถูกดูดซับไปก่อนหน้าแล้ว ในขณะที่ผู้ซื้อใหม่ก็อาจจะยังไม่รีบ รอดูสถานการณ์หลังจากที่รถไฟฟ้าวิ่งต่อเนื่องสักระยะหนึ่ง เนื่องจากการเดินทางโดยรถไฟฟ้าจากต้นทางสายสีม่วงเข้ามายังกรุงเทพฯชั้นในนั้น ยังไม่ได้สะดวกสบายหรือว่ารวดเร็วกว่าการเดินทางโดยวิธีอื่นๆ อีกทั้งค่าโดยสารก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าใดนัก ทำให้ความต้องการคอนโดมิเนียมอาจจะยังไม่ได้เพิ่มขึ้นแบบรวดเร็วเหมือนตอนที่โครงการเปิดขายใหม่”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,281 วันที่ 23 - 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่น แนล ประเทศไทย เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากข้อมูลงานวิจัยพบว่า ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วงมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ตั้งแต่ปี 2553-ครึ่งแรกปี 2560 สะสมอยู่ที่ประมาณ 24,176 หน่วย แต่ถ้ารวมโครงการที่เปิดก่อนหน้านั้นก็คาดว่าจะมีมากกว่า 45,000 หน่วย โดยโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมากในปี 2555-2558 ไม่น้อยกว่าปีละ 4,000 หน่วย และในบางปีเกือบ 5,000 หน่วย แต่หลังจากปี 2558 พบว่าโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ลดลงอย่างชัดเจน
แม้ว่าเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วงจะเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม 2559 ก็ยังคงไม่ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ขายได้มากขึ้น เพราะยังไม่สามารถเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าเมืองได้แบบสมบูรณ์ และด้วยจำนวนที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในเวลาไม่กี่ปี ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ยังคงเหลือขายอยู่มากมาย แม้ว่าอัตราการขายในทำเลนี้จะสูงถึง 80%
[caption id="attachment_183412" align="aligncenter" width="503"]
แต่ถ้านับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมาก็จะมีคอนโดมิเนียมเหลือขายร่วมหมื่นหน่วย ผู้ประกอบการเจ้าของโครงการเกือบทุกรายที่มีโครงการเปิดขายในพื้นที่นี้ต่างพร้อมใจกันลดราคาขาย หรือหาโปรโมชันดึงดูดความสนใจออกมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลมีมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมและค่าโอนกรรมสิทธิ์ แต่เมื่อหมดมาตรการผู้ประกอบการในพื้นที่ยังคงมีการลดหย่อนค่าใช้จ่ายส่วนนี้ต่อเนื่องถึงสิ้นปี 2559 เพื่อเร่งระบายหน่วยเหลือขายที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ให้มากที่สุด
การที่มีโครงการคอนโด มิเนียมเปิดขายเป็นจำนวนมากในช่วง 3-4 ปี ทำให้เกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลายประกอบกับการที่เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง ยังไม่สามารถเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายหลัก เข้าสู่เมืองชั้นในได้โดยตรงยิ่งทำให้ความน่าสนใจของโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้ลดลง ทำให้มีคอนโดมิเนียมเหลือขายในพื้นที่จำนวนมาก
ประกอบกับสถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้กลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อการลงทุนระยะยาวหรือเก็งกำไรถูกปฏิเสธสินเชื่อ ทำให้ห้องชุดเหล่านี้กลับสู่ตลาดอีกครั้ง โดยคอนโด มิเนียมเหลือขายอยู่ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีประมาณ 80%
ราคาขายเฉลี่ยในพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 78,000 บาทต่อตารางเมตร ต้องยอมรับว่าคอนโดมิเนียมที่เปิดขายมีความหลากหลายของระดับราคาที่ค่อนข้าง?สูง เพราะมีบางโครงการเปิดขายในราคาตํ่ากว่า 50,000 บาทต่อตารางเมตร (พรีเซล) แต่ก็มีหลายโครงการที่มีราคาขายมากกว่า 120,000 บาทต่อตารางเมตรเช่นกัน ขึ้นอยู่กับทำเลและระดับของโครงการ โดยโครงการที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯจะมีราคาขายสูงกว่าโครงการที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนนทบุรี
“แม้เส้นทางรถไฟฟ้าจะเชื่อมต่อกันแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่อาจกระตุ้นตลาดได้มากนัก เนื่องจากความต้องการได้ถูกดูดซับไปก่อนหน้าแล้ว ในขณะที่ผู้ซื้อใหม่ก็อาจจะยังไม่รีบ รอดูสถานการณ์หลังจากที่รถไฟฟ้าวิ่งต่อเนื่องสักระยะหนึ่ง เนื่องจากการเดินทางโดยรถไฟฟ้าจากต้นทางสายสีม่วงเข้ามายังกรุงเทพฯชั้นในนั้น ยังไม่ได้สะดวกสบายหรือว่ารวดเร็วกว่าการเดินทางโดยวิธีอื่นๆ อีกทั้งค่าโดยสารก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าใดนัก ทำให้ความต้องการคอนโดมิเนียมอาจจะยังไม่ได้เพิ่มขึ้นแบบรวดเร็วเหมือนตอนที่โครงการเปิดขายใหม่”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,281 วันที่ 23 - 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2560