4 ปัจจัยหนุนอาเซียนขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก
รองนายกฯสมคิดชี้ปัจจัย 4 ข้อ สร้างโอกาสพัฒนาเศรษฐกิจ หนุนการจับมือทำให้อาเซียนเป็นเป้าหมายการลงทุนของโลก
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนา”Nikkei Asia 300 Global Business Forum” ว่า วิกฤตการเงินเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ให้บทเรียนแก่ภาครัฐและเอกชนในภูมิภาคเอเซีย ต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงสร้างวินัยทางการเงิน จนทำให้ขณะนี้เศรษฐกิจเอเซียฟื้นตัวและมีสถานะทุนสำรองเงินตราที่มั่นคง มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีและเป็นแหล่งดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ คาดกันว่าปีนี้จะมีเงินมาลงทุนในตลาดทุนและตลาดพันธบัตรในภูมิภาคนี้อย่างน้อย 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเอเซียยังเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางความผันแปรของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะจากนโยบายของผู้นำคนใหม่ของสรัฐอเมริกา
[caption id="attachment_179839" align="aligncenter" width="503"]
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี[/caption]
การที่เศรษฐกิจชาติตะวันตกชะลอตัวลง และภูมิภาคเอเซียเติบโตขึ้น ประเทศที่จะได้รับประโยชน์จากโอกาสดังกล่าว ต้องมี 4 ข้อคือ 1.ความสามารถของประเทศ ซึ่งไทยเองได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิต เน้นเรื่องนวัตกรรมมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม เดินหน้าพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี และนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งเป็นทิศทางที่ถูกต้องที่จะช่วยยกระดับสู่การเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค
2.การมีตำแหน่งเชิงยุทธศาสตร์ในเวทีโลก ต้องยอมรับว่าไทยและเพื่อนบ้านอาเซียนต่างเป็นประเทศเล็ก แต่กลับเป็นที่สนใจลงทุนของต่างชาติ เพราะมีการรวมกลุ่มกันในภูมิภาค รวมถึงขยายสู่อาเซียน +6 ที่เชื่อมต่อกับจีน ทำให้ภูมิภาคอาเซียนกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสำคัญของโลก 3.ความแข็งแกร่งของภาคเอกชน สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกและเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว เอสเอ็มอี.ไทยที่ยังอ่อนแอและปรับตัวไม่ทันโลก ภาครัฐพยายามหามาตรการสร้างความเข้มแข็ง พัฒนาขึ้นเป็นสตาร์ทอัพ ซึ่งทางญี่ปุ่นเข้ามาช่วยพัฒนากับภาคธุรกิจไทยเวาลานี้
และข้อ 4. การมีเอกภาพในประเทศ ที่จะสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยที่จะไปลงทุน ภาครัฐให้ความสำคัญการแก้ความขัดแย้งในสังคม พร้อมผลักดันแนวทางประชารัฐให้เกิดความร่วมมือ และเป็นแนวทางขับเคลื่อนการทำงานของประเทศ ที่ช่วยแก้ปัญหาไปได้อย่างรวดเร็ว
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนา”Nikkei Asia 300 Global Business Forum” ว่า วิกฤตการเงินเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ให้บทเรียนแก่ภาครัฐและเอกชนในภูมิภาคเอเซีย ต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงสร้างวินัยทางการเงิน จนทำให้ขณะนี้เศรษฐกิจเอเซียฟื้นตัวและมีสถานะทุนสำรองเงินตราที่มั่นคง มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีและเป็นแหล่งดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ คาดกันว่าปีนี้จะมีเงินมาลงทุนในตลาดทุนและตลาดพันธบัตรในภูมิภาคนี้อย่างน้อย 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเอเซียยังเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางความผันแปรของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะจากนโยบายของผู้นำคนใหม่ของสรัฐอเมริกา
[caption id="attachment_179839" align="aligncenter" width="503"]
การที่เศรษฐกิจชาติตะวันตกชะลอตัวลง และภูมิภาคเอเซียเติบโตขึ้น ประเทศที่จะได้รับประโยชน์จากโอกาสดังกล่าว ต้องมี 4 ข้อคือ 1.ความสามารถของประเทศ ซึ่งไทยเองได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิต เน้นเรื่องนวัตกรรมมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม เดินหน้าพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี และนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งเป็นทิศทางที่ถูกต้องที่จะช่วยยกระดับสู่การเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค
2.การมีตำแหน่งเชิงยุทธศาสตร์ในเวทีโลก ต้องยอมรับว่าไทยและเพื่อนบ้านอาเซียนต่างเป็นประเทศเล็ก แต่กลับเป็นที่สนใจลงทุนของต่างชาติ เพราะมีการรวมกลุ่มกันในภูมิภาค รวมถึงขยายสู่อาเซียน +6 ที่เชื่อมต่อกับจีน ทำให้ภูมิภาคอาเซียนกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสำคัญของโลก 3.ความแข็งแกร่งของภาคเอกชน สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกและเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว เอสเอ็มอี.ไทยที่ยังอ่อนแอและปรับตัวไม่ทันโลก ภาครัฐพยายามหามาตรการสร้างความเข้มแข็ง พัฒนาขึ้นเป็นสตาร์ทอัพ ซึ่งทางญี่ปุ่นเข้ามาช่วยพัฒนากับภาคธุรกิจไทยเวาลานี้
และข้อ 4. การมีเอกภาพในประเทศ ที่จะสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยที่จะไปลงทุน ภาครัฐให้ความสำคัญการแก้ความขัดแย้งในสังคม พร้อมผลักดันแนวทางประชารัฐให้เกิดความร่วมมือ และเป็นแนวทางขับเคลื่อนการทำงานของประเทศ ที่ช่วยแก้ปัญหาไปได้อย่างรวดเร็ว