วันที่ 12 ก.ค.60–พลเอกทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแหล่งชาติ หรือ สมช. กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการปฏิรูปงานความมั่นคง ครั้งที่ 2 โดยมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน โดยได้มีการชี้แจงความคืบหน้า 4 ด้าน ที่คณะอนุกรรมการฯรับผิดชอบ คือการจัดทำฐานข้อมูลด้านความมั่นคง ที่มีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU กับ 27 หน่วยงาน เพื่อนำเอาข้อมูลของแต่ละหน่วยงานมาใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ด้านภัยคุกคาม โดยให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านแอพลิเคชั่น
[caption id="attachment_178420" align="aligncenter" width="283"]
พลเอกทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแหล่งชาติ หรือ สมช.[/caption]
นอกจากนี้ ยังพิจารณา แผนแม่บทโครงสร้างของกระทรวงกลาโหม ซึ่งขณะนี้คืบหน้าในส่วนงานวิจัยและพัฒนา ส่วนอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศจะต้องใช้ทั้งทหารและพลเรือน ให้เป็นประโยชน์ในการพัฒนา
ด้านการปฏิรูปตำรวจ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รายงานความคืบหน้าการปฏิรูป 6 ด้าน ที่ได้ลงมือปฏิบัติไปเกือบหมดแล้ว ซึ่งจะนำเอาข้อมูลทั้งหมดไปใช้ประโยชน์ในการปฏิรูป ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบแนวทางปฏิรูปสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ซึ่งจะดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลกับ 17 หน่วยงาน ทั้งภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ เพื่อนำข้อมูลไปใช้วิเคราะห์ภัยคุกคามต่อประเทศ ซึ่งจากนี้ จะนำเข้าสู่ที่ประชุมของคณะขับเคลื่อนคณะที่ 5 ที่มีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก่อนจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป
นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงประเด็นการเสนอชื่อเลขาฯ สมช.ว่า ได้ เสนอชื่อ นายสมเกียรติ ศรีประเสริฐ รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็น เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ แทนตน ซึ่งจะเกษียณอายุราชการสิ้นเดือนกันยายนนี้ อย่างไรก็ตามการตัดสินใจขั้นสุดท้าย อยู่ที่ดุลพินิจของผู้บังคับบัญชา
พร้อมเผย หลังเกษียณอายุราชการ อยากหาเวลาบวช ซึ่งเป็นความตั้งใจหนึ่ง ที่อยากใกล้ชิดพระพุทธศาสนา โดยจะบวชในประเทศไทย