จากรายงานการประเมินสภาพจราจรทั่วโลกของบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลการจราจร INRIX ประจำปี 2016 (Global Traffic Scorecard Report 2016) กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่รถติดที่สุดในทวีปเอเชีย โดยชาวกรุงเทพฯ เสียเวลาเฉลี่ยราว 64.1 ชั่วโมงไปกับรถติดบนถนนในปีที่ผ่านมา ซึ่งหากสามารถลดระยะเวลาการรอสัญญาณไฟแดงได้ การเดินทางของผู้สัญจรในเมืองในทวีปเอเชียสามารถประหยัดเวลาได้มากถึง 75 ชั่วโมงต่อปี
ทอมมัส ลูคัสเซวิก ผู้จัดการฝ่ายการขับเคลื่อนอัตโนมัติประจำภูมิภาคยุโรปและประเทศจีน ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าวว่า ฟอร์ด ได้ทำการทดสอบนวัตกรรมใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่หลีกเลี่ยงไฟแดง ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางประจำวันได้มากถึง 20 % โดยรถฟอร์ดที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้ได้รับการติดตั้งตัวรับ-ส่งสัญญาณที่ซ่อนไว้ในกระโปรงหลังรถ ดีไวซ์ดังกล่าวสามารถแนะนำความเร็วรถที่เหมาะสมที่สุดกับสัญญาณไฟจราจร ผ่านทางเสียงและหน้าจอแสดงผล
ระบบเชื่อมต่อดังกล่าวอาศัยการทำงานของเครื่องมอนิเตอร์การจราจรที่ติดตั้งบนถนนและตัวส่งข้อมูลที่มีอยู่ในสัญญาณไฟจราจรและป้ายบอกทางเหนือศีรษะ เพื่อเก็บและแชร์ข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ โดยระบบ TLOSA จะใช้ข้อมูลดังกล่าว เพื่อคำนวณอัตราความเร็วที่เหมาะสมสำหรับการขับขี่ เพื่อลดระยะเวลาการรอสัญญาณไฟแดง
สำหรับเทคโนโลยีใหม่นี้ฟอร์ดเรียกว่า “Vehicle to Infrastructure หรือ V2i” ที่สามารถเชื่อมต่อยานพาหนะกับระบบการจราจร ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบในสนามทดลอง รวมทั้งโซนทดสอบในเมืองเซียงไฮ้ ที่สามารถแชร์ข้อมูลของระบบและสภาพจราจรโดยตรงไปยังรถยนต์ที่ใช้สำหรับการทดสอบในครั้งนี้
" ผู้ขับขี่ในอนาคตสามารถใช้เทคโนโลยีดังกล่าว เพื่อลดเวลาในการรอสัญญาณไฟจราจร และลดเวลาในการเดินทาง สำหรับผู้ขับขี่ในทวีปเอเชียที่ใช้เวลากว่า 20 นาทีต่อวัน ในการรอสัญญาณไฟจราจร โดยเทคโนโลยีที่ฟอร์ดได้พัฒนาขึ้นจะมีบทบาทในการช่วยลดปัญหาการจราจรการติดขัดได้ในชีวิตประจำวัน"
นวัตกรรมดังกล่าวของฟอร์ดหากผ่านการทดสอบและนำมาใช้จริง รถยนต์ในอนาคตจะถูกติดตั้งด้วยระบบให้คำปรึกษาเรื่องความเร็วรถกับสัญญาณไฟจราจรที่เหมาะสมที่สุด หรือ Traffic Light Optimal Speed Advisory (TLOSA) ซึ่งเป็นระบบที่รายงานผู้ขับขี่เกี่ยวกับอัตราความเร็วที่ปลอดภัยที่สุด เพื่อช่วยลดเวลารอสัญญาณไฟแดง โดยตรวจสอบข้อมูลจากระบบขนส่งและระบบสัญญาณไฟจราจร
“การคิดค้นนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการยกระดับการใช้ชีวิตของทุกคน โดยฟอร์ดได้เพิ่มการลงทุนถึง 3 เท่า ในการพัฒนาเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ ที่ช่วยบรรเทาความเครียดจากสถานการณ์ที่ท้าทาย เช่น การถอยจอดขนานฟุตบาท การควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางและการจัดการความเร็ว
ลูคัสเซวิก กล่าวว่า หากมีการใช้กันอย่างกว้างขวาง เทคโนโลยี V2i จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการจราจรแออัดอย่างมีนัยสำคัญ ผ่านการบริหารความคล่องตัวการจราจร
“นวัตกรรม V2i จะเกิดประโยชน์มากที่สุด ถ้าผู้ผลิตรถยนต์และหน่วยงานภาครัฐด้านการคมนาคมหันมาใช้นวัตกรรมดังกล่าว”