สร้างมูลค่าเพิ่มให้ชีวิต ด้วยการลงทุน

02 ก.ค. 2560 | 02:00 น.
หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งกำลังเพ่งมองเครื่องประดับชิ้นที่ได้รับการออกแบบอย่างประณีตบรรจง ประยุกต์เทคนิควิธีการทำแบบช่างทองโบราณกับการออกแบบร่วมสมัยเพื่อให้สามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาสณ ช่วงเวลาที่แสงสีทองกำลังจับขอบฟ้า กับบทสนทนาของคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาสานต่อธุรกิจด้านทองคำของครอบครัวให้สามารถเติบโตและแข่งขันได้ในระดับภูมิภาค “คุณเอเกต ตัณฑชน” กรรมการผู้จัดการ บริษัทชายน์นิ่งโกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

“เอเกต” ชื่อที่คุณพ่อซึ่งจบการศึกษาด้านธรณีวิทยาตั้งให้ เมื่อครั้งยังทำงานในเหมืองแร่ หมายถึง หินชนิดหนึ่งนอกจากมีสีสันที่สวยงามแล้วยังใช้ในการขัดทองเพื่อให้เกิดความมันวาวอีกด้วย ผสานและลงตัวกับเรื่องราวในชีวิตที่เติบโตมาพร้อมกับการต่อสู้ของครอบครัวที่เริ่มต้นจากร้านทอง1 คูหาเล็กๆ สู่การสานต่อมูลค่า ทุ่มเทต่อยอดจนพัฒนาเป็นบริษัทผู้ผลิตทองแบบค้าส่งจำหน่ายให้กับร้านทองมากกว่า 4,000 ร้าน ทั่วประเทศ

“การค้าขายอย่างอื่นอยู่ไปนานๆ ก็ไม่เกิดคุณค่า ต่างกับทองที่ยิ่งนานมูลค่ายิ่งเพิ่ม” ธุรกิจครอบครัวที่เริ่มต้นจากคำแนะนำของคุณตา ซึ่งประกอบธุรกิจร้านทองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สู่การค้าขายที่ไม่หยุดอยู่การเป็นเพียงแค่ร้านทองแบบขายปลีก ซึ่งขึ้นอยู่กับส่วนต่างของราคาจากร้านขายส่งและราคาทองในตลาด แต่มุ่งสู่การเป็นร้านทองที่ผลิตทองจำหน่ายเองด้วยการเริ่มต้นจ้างช่างทอง 2 คน ทำทอง ขายทอง ในห้องแถว 5 ชั้นย่านสะพานใหม่

“เราเริ่มทำทองเพียง 1 ลาย คือ ลายคชกริช จากทองที่จำหน่ายได้เส้นแรก คุณพ่อนำเงินที่ได้ซื้อทองสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนเรามีทองเต็มตู้และนำใส่กระเป๋าไปแนะนำทองให้กับร้านต่างๆ จนเราสามารถเปลี่ยนห้องทำทองเพียงห้องเดียวบนชั้น 5 ของร้าน เป็นการซื้อห้องเพิ่มอีก 7 คูหาเพื่อทำทองเพียงอย่างเดียว วันนี้เรามีห้างทองซินเจี้ยเชียง ร้านทองขายส่งที่ดิโอลด์สยาม และโรงงานผลิตทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ และเครื่องประดับบนพื้นที่ 50 ไร่ และช่างทองมีฝีมือมากถึง 500 คน”

mp29-3275-d ด้วยเทคนิคการทำทองโปร่งที่คุณพ่อคิดค้นขึ้น จนเรียกได้ว่าเป็นคนแรกในประเทศไทยที่ทำให้ทองน้ำหนักสองสลึงมีขนาดเท่ากับทองขนาดหนึ่งบาท บวกกับความมุ่งมั่นในการศึกษาเทคโนโลยีการผลิตทองรูปพรรณและเครื่องประดับจากประเทศอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่นับว่าเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้โรงงานผลิตทอง ชายน์นิ่งโกลด์ เติบโตจนเป็นที่น่าจับตามองคือการศึกษาและนำเข้าเครื่องจักรจากประเทศอิตาลี

“เดิมประเทศอิตาลีมีชื่อเสียงเรื่องการผลิตเส้นด้ายซึ่งเป็นต้นทางในอุตสาหกรรมแฟชั่นที่สร้างมูลค่าเพิ่มมหาศาล ต่อมาเมื่อค่าจ้างแรงงานไม่สามารถสู้กับจีนแผ่นดินใหญ่ได้ ทำให้เครื่องจักรต่างๆ ในอิตาลี ปรับตัวจากการทอผ้ามาเป็นทอโลหะมีค่าอย่างทองคำ เรียกได้ว่าอิตาลีเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีด้านการทอทองที่ทันสมัยที่สุดในโลก และนี่คือจุดสำคัญที่ทำให้การผลิตทองของเราสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้อย่างทันท่วงที”

องค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ่วงกับปริญญาโทด้าน Industrial and Systems Engineering และ Business Management (Mays Business School) จาก Texas A&M University ประเทศสหรัฐอเมริกา พ่วงด้วยประสบการณ์การทำงานกับบริษัทค้าปลีกระดับโลกอย่างคาร์ฟูร์ทำให้คุณเอเกตพร้อมต่อยอดการทำงานในธุรกิจครอบครัวอย่างเต็มระบบ สานต่อภาพความทรงจำของเด็กผู้หญิงที่เติบโตมาในร้านทอง คุ้นชินกับการเห็นกระบวนการผลิตการขายหน้าร้าน การสร้างรายได้เล็กๆ ให้กับตัวเองด้วยการนำพลอยเม็ดเล็กๆ ไปขายให้กับเพื่อนที่โรงเรียนตั้งแต่อายุได้ 10 ขวบ รวมถึงการเดินทางไปหาช่างทำทอง การเดินทางไปแนะนำทองให้กับร้านทองตู้แดงทีละร้านๆกับคุณพ่อ เติมเต็มประสบการณ์ที่พร้อมต่อยอดธุรกิจร่วมกับน้องสาวในฐานะคนรุ่นที่2 ของครอบครัว “ตัณฑชน” ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ซึ่งการมีโอกาสเดินทางไปดูโรงงานรูปแบบต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศทำให้คุณเอเกตได้เห็นกระบวนการผลิตและการบริหาร และการเลือกทำงานในห้างค้าปลีกตอนเรียนจบใหม่ ทำให้คุณเอเกตยิ่งตระหนักถึงคุณค่าของการเป็น “รายใหญ่”ในกระบวนการเจรจาต่อรอง สร้างความเป็นมืออาชีพทั้งวิธีการทำงานและแนวคิดเพื่อพัฒนา “ชายน์นิ่งโกลด์” ให้สามารถเดินหน้าต่ออย่างมั่นคง

“การพบปะและเจรจากับซัพพลายเออร์ทำให้เราเห็น “โอกาส” การพัฒนาสินค้าแต่ละประเภท สินค้าตัวไหนที่เราขายดีและไม่มีคู่แข่งเลยทำให้เราเล่นราคาได้ นอกจากนั้นยังทำให้เราสามารถประมาณการล่วงหน้าได้ว่าช่วงเวลาที่ความต้องการทองสูงหรือช่วงHigh Season เราจะผลิตทองที่มีน้ำหนักมากในขณะที่ช่วงที่มีความต้องการทองน้อยหรือช่วง Low Season เราจะผลิตทองที่มีน้ำหนักน้อย หรือไซซ์เล็ก ตั้งแต่ 1 สลึง-1 บาท หรือสินค้าที่ทำได้ยาก และต้องใช้ฝีมือ เป็นช่วงเวลาที่ทำให้พนักงานเราฝึกฝีมือทำทองเพิ่มมากขึ้น”

mp29-3275-c ด้วยวัฏจักรของธุรกิจในปัจจุบันที่การคงอยู่ขององค์กรอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องมีสิ่งที่เรียกว่า “แบรนด์” เป็นหัวใจหลักในการขบั เคลอื่ น คุณเอเกตจึงเลือกให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการออกแบบเพิ่มมากขึ้นด้วยการสร้างความร่วมมือกับสถาบันกาญจนาภิเษกวิทยาลัย ช่างทองหลวง ในพระบรมมหาราชวัง เข้าไปให้ทุนการศึกษา ร่วมชมงานเดินแบบผลงานของนักศึกษา จนมาสู่การจ้างงานเพื่อผลิตชิ้นงานที่มีความเป็นเอกลักษณ์สะท้อนตัวตนผู้สวมใส่ และมีความทันสมัยมากขึ้น

“เราเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า การทำทองรูปพรรณแบบที่มีอยู่จะไปต่อได้อีกนานแค่ไหน เพราะดูเหมือนว่าความนิยมใส่ทองน้อยลงทุกวัน แต่กลับสวนทางกับความต้องการของตลาด ทุกวันนี้ยอดการสั่งซื้อทองจากร้านค้าปลีกกลับมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เราจึงคิดที่จะรังสรรค์งานทองให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานในฐานะเครื่องประดับและการลงทุนได้จริงๆ”

เพราะทองคือโลหะมีมูลค่า คือหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงและมีมูลค่าสูงขึ้นตามกาลเวลา วันนี้คุณเอเกตจึงไม่ได้มองเห็นทองคำในฐานะเครื่องประดับเท่านั้น แต่ยังเห็นช่องทางการลงทุนที่พร้อมสร้างผลตอบแทนอันน่าพอใจให้กับผู้ซื้อในรูปแบบการสะสมทุนผ่านการบุกเบิกธุรกิจทองคำแท่งที่เป็น Gold Online เปิดช่องทางการซื้อขายทองคำแท่ง 96.5% ตั้งแต่น้ำหนัก 1 กรัม-50 บาท และทองคำแท่ง 99.99% LBMA(มาตรฐานโลก) น้ำหนัก 1 กิโลกรัม โดยผู้ลงทุนสามารถเปิดพอร์ตผ่านเว็บไซต์และแอพพลิเคชันซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงพัฒนาให้ “ชายน์นิ่งโกลด์” คือศูนย์รวมธุรกิจทองคำครบวงจร ทั้งธุรกิจนำเข้า-ส่งออกทองคำ ธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง ทองรูปพรรณการสร้างพอร์ตลงทุนทองคำ การมีแบรนด์เครื่องประดับเป็นของตนเอง รวมถึงการรับซื้อทองคำเก่า อีกด้วย

mp29-3275-b ทุกวันนี้คุณเอเกตไม่เพียงเห็นคุณค่าของการลงทุนผ่านทองคำ สร้างช่องทางใหม่ๆ ให้เราสามารถเลือกลงทุนผ่านทองคำได้ง่ายขึ้นเท่านั้น คุณเอเกตยังให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการเสริมสร้างองค์ความรู้ในหลักสูตรต่างๆ เพื่อพัฒนาและต่อยอดสายสัมพันธ์ในธุรกิจ ไม่เพียงเท่านั้นในธุรกิจอาหารคุณเอเกตก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กันเริ่มต้นจากการแบ่งพื้นที่โรงงาน 50 ไร่ออกเป็นพื้นที่ทำการเกษตร ปลูกข้าวปลูกผัก ปลูกมะพร้าว ถึง 20 ไร่ โดยใช้น้ำที่ได้รับการบำบัดภายในโรงงาน หมุนเวียนสร้างคุณค่าทางอาหารและคุณค่าทางจิตใจให้กับบุคลากรภายในองค์กรอย่างทั่วถึงและเร็วๆ นี้เธอยังพร้อมต่อยอดความฝันธุรกิจอาหารออร์แกนิคบนที่ดิน 100 ไร่เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับชีวิตผ่านแนวคิดที่เรียกว่า “กฎของเงิน”

“คุณต้องรู้จักวิธีการหาเงินก่อน และจึงจะรู้จักวิธีการออม ความรวดเร็วทางเทคโนโลยีและการแข่งขันในปัจจุบันทำให้เราละเลยสิ่งที่เรียกว่า “กฎของเงิน” เราต้องรู้จักวิธีการหาเงิน รู้จักวิธีการใช้เงิน วิธีการปกป้องเงินของตนเอง แล้วจึงเริ่มการลงทุนคนส่วนใหญ่มักจะข้ามบางขั้นตอนโดยมีผลประโยชน์ที่ง่ายและไวเป็นสิ่งจูงใจวันนี้เพียงแค่ทุกคนรู้จักเก็บในสิ่งที่มีมูลค่าสูงขึ้น เลือกจ่ายเงินให้กับสิ่งที่สร้างมูลค่าได้เราก็จะรู้จักคำว่า “ความสุขจากการลงทุน”อย่างแท้จริง”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,275 วันที่ 2 - 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2560