TFD ขายหุ้น PP จำนวน 250 ล้านหุ้นให้นักธุรกิจไต้หวัน-ไทย
"ไทยพัฒนาโรงงาน" อนุมัติขายหุ้นขายเฉพาะเจาะจง 250 ล้านหุ้น ให้นักธุรกิจชาวไต้หวัน 2 ราย และนักธุรกิจไทย 1 ราย ระดมเงินผุดโครงการคอนโดมิเนียม
นางสิริพร ปิ่นประยงค์ เลขานุการบริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TFD เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2560 อนุมัติให้บริษัทจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ จำนวน 250 ล้านหุ้น ให้แก่บุคคลในวงจำกัด ได้แก่ นายเจิง กั่ว จั่น ซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวไต้หวัน จำนวน 120 ล้านหุ้น นางเฉิน โย่ว ฮุย นักธุรกิจชาวไต้หวัน จำนวน 50 ล้านหุ้นและนายเกษม อาภรณ์ทิพย์ ซึ่งเป็นนักธุรกิจ จำนวน 80 ล้านหุ้น ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่ไม่มีความเกี่ยวโยงกันกับบริษัทฯ และบริษัทย่อย โดยเสนอขายหุ้นละ 2.00 บาท ซึ่งไม่ต่ำกว่า 90% ของราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยย้อนหลังไม่น้อยกว่า 15 วันทำการติดต่อกัน กำหนดระยะเวลาการเสนอขายและชำระเงินค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนระหว่างวันที่ 23-26 มิ.ย.2560
การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้บุคคลดังกล่าว เนื่องจากบริษัทมีความจำเป็นในการระดมเงินทุนมาใช้ในการขยายการลงทุนในโครงการอาคารชุดพักอาศัยแห่งใหม่ตามแผนธุรกิจของบริษัทในปี 2560 ที่มีแผนพัฒนาโครงการแห่งใหม่มทดแทนโครงการปัจจุบันที่มีพื้นที่ขายลดเหลือน้อยลง นอกจากนี้การลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมต้องใช้ระยะเวลาพัฒนาโครงการเพื่อสามารถโอนกรรสิทธิ์และรับรู้ายได้ไม่น้อยกว่า 2 ปี ดังนั้นบริษัทจึงมีความจำเป็นต้องลงทุนในโครงการใหม่ เพื่อให้บริษัทมีรายได้และกำไรจากธุรกิจคอนโดมิเนียมอยางสม่ำเสมอและต่อเนื่องต่อไป
บริษัทมองว่าหลังจากได้รับเงินเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีศักยภาพในการลงทุนและพัฒนาโครงการใหม่ๆ ได้มากขึ้นและลดภาระการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน นอกจากนี้ยังช่วยลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลงได้ด้วย ซึ่งจะส่งผลดีต่อความสามารถในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้เพิ่มมากขึ้นในอนาคต ตลอดจนทำให้ฐานะการเงินของบริษัทมีความมั่นคงมากขึ้นและมีความสามารถในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต
[caption id="attachment_167828" align="aligncenter" width="200"]
นายอภิชัย เตชะอุบล[/caption]
โครงสร้างผู้ถือหุ้นหลังการเพิ่มทุน ประกอบด้วย 1.กลุ่มนายอภิชัย เตชะอุบล จะถือหุ้น 39.71% จาก 45.81% 2.กลุ่มนายเจิง ถั่ว จั่น ถือหุ้น 9.04% 3.นายเกษม อาภรณ์ทิพย์ ถือหุ้น 4.25% 4.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 2.03% และ 5.กลุ่มมายะการ 1.39%
นอกจากนี้คณะกรรมการอนุมัติให้บริษัท คราวน์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ได้ลงนามสัญญาร่วมทุนกับบริษัท บิวตี้ ฮอนเนอร์ เอ็นเตอร์ไพร์ซ ลิมิเต็ด โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อจัดตั้งบริษัท บีจีวาย แอนด์ ทีเอฟดี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เพื่อร่วมลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในโครงการอาคารชุดพักอาศัยเพื่อขาย โดยบริษัทร่วมทุนมีทุนจดทะเบียนขั้นต้นจำนวน 1 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท โดยบริษัท บิวตี้ ฮอนเนอร์ เอ็นเตอร์ไพร์ซ ลิมิเต็ด (BH) ซึ่งมีสัญชาติฮ่องกง ถือหุ้น 4,900 หุ้น หรือ 49% บริษัท คราวน์ ดีเวลลอปเม้นท์ถือหุ้น 5,097 หุ้น หรือ 50.97% นายอภิชัย เตชะอุบล นายอนุกูล อุบลนุชและนายกฤตวัฒน์ เตชะอุบล ถือรายละ1 หุ้น หรือ 0.01%
การร่วมทุนครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์กับบริษัทในการพัฒนาโครงการให้ประสบความสำเร็จตามแผนที่วางไว้และก่อให้เกิดโอกาสในการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้ง่ายยิ่งขึ้น เนื่องจาก BH เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งด้านการเงินทุน อีกทั้งเป็นบริษัทย่อยที่อยู่ในกลุ่มบริษัท Country garden ที่จเทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซึ่งมีเครือข่ายด้านการตลาดที่กว้างขวาง เปิดโอกาสให้แก่บริษัทในการขยายฐานกลุ่มลูกค้าในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่เป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง
นางสิริพร ปิ่นประยงค์ เลขานุการบริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TFD เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2560 อนุมัติให้บริษัทจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ จำนวน 250 ล้านหุ้น ให้แก่บุคคลในวงจำกัด ได้แก่ นายเจิง กั่ว จั่น ซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวไต้หวัน จำนวน 120 ล้านหุ้น นางเฉิน โย่ว ฮุย นักธุรกิจชาวไต้หวัน จำนวน 50 ล้านหุ้นและนายเกษม อาภรณ์ทิพย์ ซึ่งเป็นนักธุรกิจ จำนวน 80 ล้านหุ้น ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่ไม่มีความเกี่ยวโยงกันกับบริษัทฯ และบริษัทย่อย โดยเสนอขายหุ้นละ 2.00 บาท ซึ่งไม่ต่ำกว่า 90% ของราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยย้อนหลังไม่น้อยกว่า 15 วันทำการติดต่อกัน กำหนดระยะเวลาการเสนอขายและชำระเงินค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนระหว่างวันที่ 23-26 มิ.ย.2560
การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้บุคคลดังกล่าว เนื่องจากบริษัทมีความจำเป็นในการระดมเงินทุนมาใช้ในการขยายการลงทุนในโครงการอาคารชุดพักอาศัยแห่งใหม่ตามแผนธุรกิจของบริษัทในปี 2560 ที่มีแผนพัฒนาโครงการแห่งใหม่มทดแทนโครงการปัจจุบันที่มีพื้นที่ขายลดเหลือน้อยลง นอกจากนี้การลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมต้องใช้ระยะเวลาพัฒนาโครงการเพื่อสามารถโอนกรรสิทธิ์และรับรู้ายได้ไม่น้อยกว่า 2 ปี ดังนั้นบริษัทจึงมีความจำเป็นต้องลงทุนในโครงการใหม่ เพื่อให้บริษัทมีรายได้และกำไรจากธุรกิจคอนโดมิเนียมอยางสม่ำเสมอและต่อเนื่องต่อไป
บริษัทมองว่าหลังจากได้รับเงินเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีศักยภาพในการลงทุนและพัฒนาโครงการใหม่ๆ ได้มากขึ้นและลดภาระการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน นอกจากนี้ยังช่วยลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลงได้ด้วย ซึ่งจะส่งผลดีต่อความสามารถในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้เพิ่มมากขึ้นในอนาคต ตลอดจนทำให้ฐานะการเงินของบริษัทมีความมั่นคงมากขึ้นและมีความสามารถในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต
[caption id="attachment_167828" align="aligncenter" width="200"]
โครงสร้างผู้ถือหุ้นหลังการเพิ่มทุน ประกอบด้วย 1.กลุ่มนายอภิชัย เตชะอุบล จะถือหุ้น 39.71% จาก 45.81% 2.กลุ่มนายเจิง ถั่ว จั่น ถือหุ้น 9.04% 3.นายเกษม อาภรณ์ทิพย์ ถือหุ้น 4.25% 4.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 2.03% และ 5.กลุ่มมายะการ 1.39%
นอกจากนี้คณะกรรมการอนุมัติให้บริษัท คราวน์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ได้ลงนามสัญญาร่วมทุนกับบริษัท บิวตี้ ฮอนเนอร์ เอ็นเตอร์ไพร์ซ ลิมิเต็ด โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อจัดตั้งบริษัท บีจีวาย แอนด์ ทีเอฟดี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เพื่อร่วมลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในโครงการอาคารชุดพักอาศัยเพื่อขาย โดยบริษัทร่วมทุนมีทุนจดทะเบียนขั้นต้นจำนวน 1 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท โดยบริษัท บิวตี้ ฮอนเนอร์ เอ็นเตอร์ไพร์ซ ลิมิเต็ด (BH) ซึ่งมีสัญชาติฮ่องกง ถือหุ้น 4,900 หุ้น หรือ 49% บริษัท คราวน์ ดีเวลลอปเม้นท์ถือหุ้น 5,097 หุ้น หรือ 50.97% นายอภิชัย เตชะอุบล นายอนุกูล อุบลนุชและนายกฤตวัฒน์ เตชะอุบล ถือรายละ1 หุ้น หรือ 0.01%
การร่วมทุนครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์กับบริษัทในการพัฒนาโครงการให้ประสบความสำเร็จตามแผนที่วางไว้และก่อให้เกิดโอกาสในการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้ง่ายยิ่งขึ้น เนื่องจาก BH เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งด้านการเงินทุน อีกทั้งเป็นบริษัทย่อยที่อยู่ในกลุ่มบริษัท Country garden ที่จเทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซึ่งมีเครือข่ายด้านการตลาดที่กว้างขวาง เปิดโอกาสให้แก่บริษัทในการขยายฐานกลุ่มลูกค้าในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่เป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง