EARTH แจงยอดผิดนัดชำระหนี้แตะพันล้าน

21 มิ.ย. 2560 | 02:16 น.
'เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ' แจงข้อมูลผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบี/อีแล้ว 160 ล้านบาท หนี้สินเชื่อการค้าระหว่างประเทศอีก 887 ล้านบาท หากรวมหนี้หุ้นกู้เข้าเงื่อนไขและหนี้ส่อผิดนัดชำระ 3 รายการ ดันยอดรวมแตะ 6,952 ล้าน หรือ 19.45% ของสินทรัพย์รวม

[caption id="attachment_166444" align="aligncenter" width="503"] นายธนาวรรธน์ ประทุมสุวรรณ์ นายธนาวรรธน์ ประทุมสุวรรณ์[/caption]

นายธนาวรรธน์ ประทุมสุวรรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH เปิดเผยว่า ณ ว้นที่ 15 มิ.ย.2560 บริษัทมีการผิดนัดชำระหนี้กับสถาบันการเงินและตั๋วแลกเงิน (บี/อี) แล้วรวม 1,047.12 ล้านบาท แบ่งเป็นผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน 160 ล้านบาทและผิดนัดชำระหนี้สินเชื่อเพื่อการค้าระหว่างประเทศจากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง (ทรัสรีซีทและแพคกิ้งเครดิต) รวม 887.12 ล้านบาท ซึ่งหนี้ส่วนนี้ค้ำประกันโดยกรรมการของบริษัทและหุ้นของกรรมการ

นอกจากนี้บริษัทเข้าเงื่อนไขการผิดนัดชำระหุ้นกู้ 2 กอง วงเงินรวม 5,500 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นกู้ EARTH ครั้งที่ 1/2558 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2560 มูลค่ารวม 1,500 ล้านบาท หุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2559 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2562 มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ เงื่อนไขระบุว่า "ผู้ออกหุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้เงินกู้ยืม (มิใช่หนี้การค้า) หรือหนี้ค้ำประกันเป็นจำนวนเงินรวมกันไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ตามข้อกำหนดว่าด้วยการผิดนัดและผลของการผิดนัด ข้อ 11 อาจเป็นเหตุให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้มีมติให้ถือว่าเงินต้นตามหุ้นกู้ทั้งหมดถึงกำหนดชำระโดยพลันพร้อมดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดและค้างชำระอยู่ในขณะนั้น ทั้งนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้อาจลงมติเป็นประการอื่นได้ตามที่เห็นสมควร

image3 (1)0621-1 อย่างไรก็ตามบริษัทต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ หากบริษัทได้รับการร้องขอเป็นหนังสือจากผู้ถือหุ้นกู้ไม่ว่ารายเดียวหรือหลายรายที่ถือหุ้นกู้หรือถือหุ้นกู้รวมกันไม่น้อยกว่า 25% ของหุ้นกู้ที่ยังมิได้ไถ่ถอนทั้งหมด ทั้งนี้ มติที่ประชุมต้องมีคะแนนเสียงข้างมากไม่น้อยกว่า 50% ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นกู้ ซึ่งเข้าร่วมประชุมและออกเสียงลงคะแนนหรือบริษัทต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้นโดยเร็ว ซึ่งจะต้องไม่เกิน 30 วัน นับแต่เกิดกรณีดังกล่าวตามข้อกำหนดด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้ ข้อ 12.1

ทั้งนี้ ณ วันที่ 15 มิ.ย.2560 บริษัทมีหนี้ตั๋วแลกเงินและพันธบัตรที่ยังไม่ครบกำหนดชำระรวม 1,878 ล้านบาท

สำหรับหนี้สินที่คาดว่าจะไม่สามารถชำระได้ภายในเดือนมิ.ย.2560 รวมเป็นเงิน 405.70 ล้านบาท โดยเป็นการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน 1 ฉบับ รวมเป็นเงิน 10 ล้านบาทและผิดนัดชำระหนี้ทรัสซีทและแพคกิ้งเครดิต 6 ฉบับกับสถาบันการเงิน รวมเป็นเงิน 395.70 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามผลกระทบการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัท ทำให้สถาบันการเงินทุกแห่งที่บริษัทใช้วงเงินอยู่ได้ระงับการให้สินเชื่อแก่บริษัทและได้พิจารณาทบทวนวงเงินสินเชื่อทั้งหมดของบริษัทอีกครั้ง ทำให้บริษัทไม่สามารถใช้วงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินต่างๆได้ รวมทั้งไม่สามารถออกตราสารหนี้ประเภทตั๋วแลกเงินฉบับใหม่ เพื่อทดแทนตั๋วแลกเงินฉบับเดิมที่จะถึงกำหนดชำระได้

ทั้งนี้ ยอดผิดนัดชำระหนี้ ยอดหนี้ที่เข้าเงื่อนไขผิดนัดชำระหนี้และหนี้ที่คาดว่าจะผิดนัดชำระหนี้ รวมทั้ง 3 รายการรวมกันมูลค่าประมาณ 6,952 ล้านบาท คิดเป็น 19.45% ของสินทรัพย์รวมทั้งหมด

สำหรับแนวทางการแก้ไขผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งผลจากการผิดนัดชำระหนี้ทำให้บริษัทถูกลดระดับความน่าเชื่อถือจากคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งทำให้บริษัทต้องดำเนินธุรกรรมต่างๆ ในรูปแบบเงินสดมากขึ้นและส่งผลกระทบต่อการบริหารสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทอย่างยากลำบากในขณะนี้ การประกอบธุรกิจของบริษัทมีการชะลอตัวฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทในอนาคตจึงขึ้นอยู่กับการพิจารณาผ่อนผันและข้อตกลงกับเจ้าหนี้ในแต่ละกลุ่ม เพื่อที่จะให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ตามปกติ

ปัจจุบันบริษัทพยายามหาแนวทางการชำระหนี้ที่แน่นอนเป็นรูปธรรม เนื่องจากอยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงินทุกแห่ง อยู่ในช่วงของการแก้ไขปัญหาต่างๆ และปรึกษาหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย

ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มี.ค.2560 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 35,725 ล้านบาท หนี้สินรวม 25,034 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 10,690 ล้านบาท โดยหนี้สินรวมคิดเป็น 70.07% ของสินทรัพย์รวม