"ศุภชัย"ไม่กังวลหากถูกเซ็ตซีโร่

09 มิ.ย. 2560 | 06:50 น.
ประธาน กกต.ยันพร้อมทำหน้าที่หากถูกเซ็ตซีโร่    ชี้แผนและยุทธศาสตร์จัดเลือกตั้งคืบแล้วกว่า 85 %  แจงไม่เคยคิดเอาคืน กรณีพิจารณาคำร้อง 9 รัฐมนตรีขาดคุณสมบัติ หากกลั่นแกล้งใครก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

กกต.-1

นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. กล่าวว่า ทางกกต.ได้วางแผนการและยุทธศาสตร์ต่างไว้หลายด้าน เพื่อให้การจัดเลือกตั้งเป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรม รวมถึงการสืบสวนสอบสวนการเลือกตั้งก็เป็นปัจจัยสำคัญ โดยได้ฝึกอบรมพนักงานสอบสวนและไต่สวนของกกต.มาโดยตลอด ส่วนการบริหารจัดการเลือกตั้งได้เตรียมอำนวยความสะดวกกับประชาชนในด้านต่างๆ เช่น การจัดทำแอพพลิเคชั่น เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การจัดทำยุทธศาสตร์ของกกต.คืบหน้าไปกว่าร้อยละ 85 แล้ว

ส่วนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วย กกต.ของที่ประชุมสนช.ในวันนี้ ทางคณะกรรมการกกต.ไม่รู้สึกกังวล เพราะถือว่าเป็นผู้ปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ว่าผลการพิจารณาจะออกมาเป็นอย่างไรก็จะปฏิบัติในระหว่างดำรงตำแหน่งอย่างดีที่สุด และไม่มีการตั้งวอร์รูมติดตามการประชุม สนช.แต่อย่างใด มีเพียงการทำบุญ ซึ่งกกต.ยังไม่มีการหารือถึงแนวทางภายหลังจากสนช.มีมติ แต่เมื่อร่างกฎหมายผ่านวาระ 3 แล้ว ก็จะดูเนื้อหาและเจตนารมณ์ ว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากพบว่าไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญจะปรึกษาทีมกฎหมายว่าสมควรส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่

สำหรับการพิจารณาคำร้อง 9 รัฐมนตรีขาดคุณสมบัติ นั้น นายศุภชัย ยืนยันไม่ได้เป็นการเอาคืน จากที่เสนอให้มีการเซตซีโร่คณะกรรมการกกต. แต่เป็นการทำหน้าที่เนื่องจากมีผู้ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ ซึ่งกกต.มีอำนาจตั้งคณะกรรมการขึ้นมาไต่สวนว่ามีมูลเพียงพอที่จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ ทั้งนี้แม้กกต.ถูกเซตซีโร่และมีสถานะเป็นกกต.รักษาการก็สามารถดำเนินการในเรื่องดังกล่าวได้ ส่วนจะรวดเร็วแค่ไหนขึ้นอยู่กับคณะกรรมการไต่สวน ทั้งนี้หากกลั่นแกล้งเขา กกต.จะผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้

ด้านนายวัส ติงสมิตร ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการเซตซีโร่ทั้งกกต.และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  (กสม.)เนื่องจากมีเปลี่ยนเหตุผลในการเซตซีโร่ไปเรื่อย ๆ ในส่วนของกสม.ได้รับร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นครั้งที่สอง โดยจะส่งความเห็นของกสม.กลับไปให้กรธ.ภายในสัปดาห์หน้า มีประมาณ 20 ประเด็นที่เห็นว่าจะมีปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงมาตรา 60 ที่ให้เซตซีโร่ กสม.ด้วย ล่าสุดมีการให้เหตุผลว่าหากไม่เซตซีโร่จะมีปัญหาเรื่องปลาสองน้ำในการทำงาน ทั้งๆ ที่เกือบทุกองค์กรก็มีลักษณะปลาสองน้ำ แม้แต่องค์กรอิสระที่ไม่อยู่ในเกณฑ์ถูกเซตซีโร่ ดังนั้นเหตุผลนี้จึงไม่ถูกต้อง และเห็นว่าการจะเป็นปลาน้ำเดียว สองน้ำหรือสามน้ำ ไม่ใช่สาระสำคัญ แต่สำคัญที่ว่าปลาเหล่านั้นอร่อยและมีประโยชน์หรือไม่ เทียบกับองค์กรอิสระก็ทำนองเดียวกัน ถ้าเป็นปลาสองน้ำแล้วทำงานได้ดี มีประสิทธิภาพ ก็ควรให้ทำหน้าที่ต่อ

“ขอวิงวอนให้องค์กรที่เกี่ยวข้องพิจารณาด้วยความเมตตามาก ๆ ก่อนที่จะคิดว่าจะรีเซตหรือให้ทำหน้าที่ต่อ เพราะถ้าให้พ้นจากหน้าที่ไปโดยที่กรรมการในองค์กรอิสระขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามซึ่งจะเป็นเรื่องเฉพาะรายที่เป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะคนที่เข้ามาทำหน้าที่ในองค์กรอิสระยอมทิ้งงานอื่นมารับใช้ประเทศ ถ้าทำงานไม่ดี ก็มีทางถอดถอนได้อยู่แล้ว"นายวัสกล่าว.