ทิฟฟานีเร่งกระตุ้นยอดขาย โดยปรับโฉมร้านค้าและออกแบบแบรนด์เครื่องประดับให้มีความล้ำสมัยมากขึ้น หลังจากยอดขายร่วงลงเกินคาด
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ยอดขายของทิฟฟานี แอนด์ โค (Tiffany & Co.) แบรนด์อัญมณีและเครื่องประดับระดับลักซูรี่ชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา ที่ได้สร้างสรรค์ผลงานเครื่องประดับหลากหลาย ปรับตัวลดลงเกินคาดในไตรมาสแรก เนื่องจากความต้องการจากสหรัฐอเมริกาและเอเชียลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่ทำให้ยอดขายของทิฟฟานีในต่างประเทศลดลง บริษัทอ้างว่ามาจากปัญหานักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามายังสหรัฐฯ ลดลง ประกอบกับผลจากสภาพเศรษฐกิจที่ทำให้คนอเมริกันจับจ่ายใช้สอยน้อยลง ดังนั้น บริษัทจึงเร่งกระตุ้นยอดขายด้วยการเจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น โดยการปรับโฉมร้านค้าและออกแบบแบรนด์เครื่องประดับให้มีความล้ำสมัยมากขึ้น และเมื่อเร็วๆ นี้บริษัทได้เลือกให้เลดี้ กาก้า เป็นตัวแทนของผู้หญิงทั่วโลก โปรโมตแคมเปญแฟชั่นจิวเวอรี่ภายใต้คอลเลกชั่น ชื่อว่าทิฟฟานี ฮาร์แวร์ (Tiffany HardWear) ที่แสดงออกถึงความงดงามอันเปี่ยมด้วยพลังความแข็งแกร่งจากภายใน ของจิตวิญญาณผู้หญิงนิวยอร์ก ผ่านชุดเครื่องประดับดีไซน์เรียบโก้
ในส่วนของทิฟฟานีเอง การตลาดของแบรนด์ยังเป็นอีกหนึ่งที่มาของปัญหา โดยนายไบรอัน ยาโบร นักวิเคราะห์ของเอ็ดวาร์ด จอน แอนด์ โค (Edward Jones & Co.) บริษัทที่ปรึกษาทางด้านการเงินและการลงทุน กล่าวว่า จากยอดขายที่ยังไม่น่าพอใจ บริษัทจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องกระหน่ำโปรโมทสินค้าและทำการตลาดให้หนักกว่านี้
แม้ช่วงเวลาที่ผู้บริโภคใช้จ่ายซื้อสินค้าเครื่องประดับจิวเวลรี่สูงที่สุด อย่างวันวาเลนไทน์ แต่นั่นก็ไม่เพียงพอที่ช่วยดันยอดขายในไตรมาสล่าสุด เห็นได้จากตัวเลขของการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมลดลงไป 2% ขณะที่ยอดขายในไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งสิ้นสุดเมื่อ 30 เดือนเมษายน 2560 อยู่ที่ 899.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 31.4 หมื่นล้านบาม) ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยในสหรัฐฯ ยอดขายลดลง 4% ส่วนภูมิภาคเอเชียยอดขายลดลงไป 2%
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงคาดการณ์รายได้ตลอดทั้งปีไว้ที่อัตราการเติบโตในระดับต้นเลขตัวเดียว นอกจากนี้ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง บริษัทมีแผนจะเปิดตัวคอลเลกชั่นเครื่องประดับสุดหรูและผลิตภัณฑ์น้ำหอมใหม่สำหรับผู้หญิง จากผลงานการออกแบบอันยอดเยี่ยมของรี้ด คราคูฟ นักออกแบบชื่อดังที่เมื่อเร็วๆ นี้บริษัทจ้างเข้ารับตำแหน่งเป็นหัวหน้าดูแลงานด้านการออกแบบทั้งหมด รวมถึงการทำตลาดด้วย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,265 วันที่ 28 - 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2560