วันที่ 19 พ.ค. 60 -- กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงข่าวว่า ตามที่กระทรวงยุติธรรมได้มีนโยบายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราบปรามกลุ่มขบวนการกระทำผิดเกี่ยวกับการลักลอบและหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร อันส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐ และสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมากนั้น
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน กรณีการนำเข้ารถยนต์เข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงภาษีอากรและสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริง พบว่า บริษัทผู้นำเข้ารถยนต์ได้ระบุราคาสินค้าในใบขนสินค้าขาเข้าที่ผู้นำเข้าต้องแสดงต่อกรมศุลกากร เพื่อเสียภาษีอากร โดยมีการสำแดงราคาต่ำกว่าราคาเป็นจริง ซึ่งราคาโดยเฉลี่ยที่ผู้นำเข้าสำแดง คือ ไม่เกินร้อยละ 40 ของราคารถยนต์ที่บริษัทผู้ผลิตในประเทศต้นกำเนิดรถยนต์จำหน่าย จากข้อมูลที่ได้จากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้น พบรถยนต์เลี่ยงภาษีที่นำเข้ามาจำหน่ายเป็นรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูงและมีราคาแพง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ
ต่อมาเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2560 พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 120/2560 ดำเนินการขอหมายค้นต่อศาลอาญา เพื่อตรวจค้นสถานที่เป้าหมายจำนวน 9 แห่ง โดยสามารถอายัดรถยนต์ได้จำนวน 122 คัน จาก 5 จุดตรวจค้น ดังนี้
บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด เลขที่ 2388 ถ.พระราม 9 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ และอาคารไม่มีเลขที่อยู่ทางทิศตะวันออกของอาคารเลขที่ 2388 จากการตรวจค้น อายัดรถยนต์ได้จำนวน 81 คัน, โชว์รูมรถยนต์ บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด สาขาสยามพารากอน ห้องเลขที่ 208B ชั้น 2 อาคารเลขที่ 991 ถ.พระราม 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ จากการตรวจค้น อายัดรถยนต์ได้จำนวน 1 คัน, เต๊นท์รถยนต์ เลขที่ 999/9 ถ.ประดิษฐ์มนูญธรรม แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ (สถานที่เก็บรถยนต์แลมโบกินี) จากการตรวจค้น อายัดรถยนต์ได้จำนวน 6 คัน, โชว์รูมรถยนต์เอสทีที ออโต้ คาร์ เลขที่ 41 ถ.เทียมร่วมมิตร แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ (สถานที่เก็บรถยนต์แลมโบกินี) จากการตรวจค้น อายัดรถยนต์ได้จำนวน 24 คัน, โชว์รูมรถยนต์เอสทีที ออโต้ คาร์ เลขที่ 267/13 ถ.สุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ (สถานที่เก็บรถยนต์แลมโบกินี) จากการตรวจค้น อายัดรถยนต์ได้จำนวน 10 คัน
รวมรถยนต์ที่อายัดจำนวน 122 คัน เป็นรถหลายยี่ห้อ อาทิ แลมโบกินี, แมคคาเรน, โลตัส เป็นต้น ซึ่งภาษีที่ขาดโดยเฉลี่ยต่อคันประมาณ 10-18 ล้านบาท/คัน ซึ่งรวมแล้วรัฐเสียหายเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นประมาณ 2,400 ล้านบาท