กฤตย์ เธียรนุกูล : นักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่พร้อมเรียนรู้

13 พ.ค. 2560 | 04:00 น.
ในยุคที่คนรุ่นใหม่มีค่านิยมหันมาดื่มกาแฟกันมากขึ้น ส่งผลให้ร้านขายนมและขนมปังที่เคยได้รับความนิยมในอดีตต้องปรับกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอด และต้องต่อยอดหากลยุทธ์ใหม่ๆ มานำเสนอลูกค้า เพื่อรับกับการแข่งขันที่รุนแรง และให้สามารถอยู่ได้แบบยั่งยืน นับเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง

"กฤตย์ เธียรนุกูล"ผู้จัดการฝ่ายการขาย บริษัท เพรสทิจ กิฟท์ แอนด์ พรีเมียม จำกัด ผู้บริหารร้านนมและขนมปัง "Milk Plus"เจเนอเรชั่นที่ 2 ที่มาสานต่อธุรกิจจาก เกรียงไกร เธียรนุกุล ผู้เป็นพ่อ ที่อดีตเคยเป็นนายกสมาคมการพิมพ์ไทย และปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสภาธุรกิจไทย-รัสเซีย

"กฤตย์" เล่าถึงที่มาที่ไปให้ฟังว่า "ผมเรียนที่อัสสัมชัญก่อนย้ายไปเรียนที่เตรียมอุดมศึกษาตอนม.4 พอจบเตรียมอุดม ก็ไปเข้าคณะนิเทศศาสตร์หลักสูตรอินเตอร์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พอจบปริญญาตรีก็มาช่วยงานที่บ้าน ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 4 แล้วก็มาดูแลร้านอาหารในเครือของบริษัท ในช่วงแรกที่ดูแลก็มีร้านอาหารคาเฟ่ เดอ ลาว และร้าน "กุ๊กไก่" แต่เวลานี้ ทั้ง 2 ร้านก็ไม่ทำแล้ว เพราะหมดสัญญาเช่าที่ ก็เหลือคือ มิลค์ พลัส อย่างเดียว ซึ่งเป็นความตั้งใจของผมอยู่แล้ว ที่จะโฟกัสแต่มิลค์พลัสเป็นหลักที่ตั้งมา 21 ปี เป็นการมาช่วยสานต่อธุรกิจของคุณพ่อที่ต้องการให้เด็กและคนไทยหันมาดื่มนมเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น"

ปัจจุบันมิลค์พลัสมี 3 สาขาได้แก่ ที่ปากซอยสีลม 19, ชั้น1 ห้างมาบุญครองฝั่งโตคิว และที่สยามสแควร์ ขายนมและขนมปังเป็นหลัก ในส่วนของนมเป็นนมสดพาสเจอร์ไรส์ ซึ่งรับจากฟาร์มโคนมในสวนจิตรดา และขายเป็นนมขวดสำหรับผู้ที่อยากซื้อเป็นของฝาก ในส่วนของขนมปังที่คนเริ่มเบื่อขนมปังแบบแผ่น ล่าสุด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางมิลค์พลัสได้คิดค้นขนมปังก้อนกลมกรอบนอกนุ่มใน 14 รสชาติ เสิร์ฟบริการในร้านและรับสั่งในรูปแบบเดลิเวอรี่ขายคู่กับนมส่งตามที่ลูกค้าต้องการ

"สินค้าใหม่เราชื่อ Bun Bun เป็นขนมปังกรอบนอกนุ่มใน ทำสดใหม่ทุกวัน ไม่ใส่สารกันบูด มีทั้งไส้คาว และไส้หวานที่ได้ไปทำเซอร์เวย์ว่าคนชอบไส้อะไรบ้าง เช่นไส้นูเตล่า แฮมชีส ทูน่าชูย่า ไส้สังขยา ฮอกไกโดไวท์ช็อก สวีทช็อกโกแล็ต เป็นต้น รวมเวลานี้ 14 ไส้และกำลังทดสอบรสชาติใหม่ๆ เพิ่มอีก เช่นสังขยา-ชาไทย ไส้เห็ดชิตาเกะ เป็นต้น ราคาขนมปังต่อชิ้นเริ่มต้นที่ 35 บาท สูงสุด60 บาท ส่วนนมขายราคาขั้นต่ำสุด 45 บาทต่อแก้วขนาดขนาด 16 ออนซ์ ซึ่งสินค้าเราเน้นเกรดพรีเมียม แต่ราคาสินค้าจะอยู่ระดับกลางๆ เพราะกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มวัยรุ่นอายุ 13-17 ปี จะขายแพงมากไม่มาก เพราะเด็กวัยรุ่นมีเงินจำกัด โดยปัจจุบันสาขาที่ขายดีที่สุดคือ สยามสแควร์ สีลม และมาบุญครอง ตามลำดับ"

"กฤตย์" กล่าวว่า จากร้านนมและขนมปัง "มิลค์พลัส" ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าที่มาใช้บริการ รวมถึงผลจากการใช้โซเชียลมีเดียทั้งเฟซบุ๊ค อินสตาแกรม การไปออกบูธในงานต่างๆ การเป็นสปอนเซอร์ถ่ายทำภาพยนตร์ หรือเอ็มวีต่างๆ ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า จากนี้ไป ทางบริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาร้านมิลค์พลัส ที่บริษัทจะเป็นเจ้าของเองในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลเป้าหมาย 15 สาขา (รวม 3 สาขาที่มีอยู่เดิม)และอยู่ระหว่างการวางระบบการขยายร้านในลักษณะการขายแฟรนไชส์เป้าหมาย 50 สาขาในช่วง 3 ปีนับจากนี้ ก่อนจะขยายแฟรนไชส์ไปยังตลาดเออีซี เช่น เมียนมา ลาว กัมพูชา ที่มองว่าเป็นตลาดที่ยังเปิดกว้างและมีอนาคตสำหรับธุรกิจนี้ รวมถึงในดูไบที่ติดต่อเข้ามา

[caption id="attachment_147688" align="aligncenter" width="503"] กฤตย์ เธียรนุกูล : นักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่พร้อมเรียนรู้ กฤตย์ เธียรนุกูล : นักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่พร้อมเรียนรู้[/caption]

"ขณะนี้มีมากกว่า 20 รายที่ติดต่อขอเข้ามาเป็นแฟรนไชส์ของมิลค์พลัส หากเราวางระบบแฟรนไชส์แล้วเสร็จก็คงต้องคัดเลือกเป็นพิเศษ ไม่ใช่ใครเสนอมาก็ได้ทุกคน เพราะมิลค์พลัสเปรียบเสมือนเป็นแม่ ก็ไม่อยากปล่อยลูกออกไปให้กับคนที่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เพราะผมเล็งว่าในอนาคตจะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนั้นต้องวางรากฐานให้ดี"

"กฤตย์"ระบุว่า ความสำเร็จส่วนตัวระดับหนึ่งในวันนี้ คือ ความรับผิดชอบที่ต้องรู้หน้าที่ตัวเอง ต้องวางแผนว่าแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง พยายามหาความรู้รอบตัว และออกไปข้างนอกให้มากๆ เพื่อเรียนรู้คู่แข่งขัน เช่น เรื่องราคาสินค้าของคู่แข่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และต้องรู้จุดยืนตัวเราเองว่าเราขายอะไร และห้ามหลุดออกนอกเส้นทาง เพราะเคยคิดหลุดออกนอกกรอบมาแล้ว ซึ่งไม่เวิร์กและที่สำคัญต้องปรึกษาผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ให้มากๆ

"เรากำลังรีแบรนด์ร้านและโลโก้มิลค์พลัสใหม่ รวมถึงการสร้าง theme เพื่อให้มิลค์พลัสกลับมาดูเท่มากขึ้น โดยที่ยังยึดคอนเซ็ปต์ว่าต้องขายนมและขนมปัง เพราะนี่คือตัวตนของเรา คนนึกถึงมิลค์พลัสต้องนึกถึงร้านขายนมและขนมปังตรงนี้ห้ามทิ้งเลย ถ้าตามตรงๆ ว่ายากมั้ย ยากมาก เพราะเปอร์เซ็นต์คนดื่มนมในประเทศไทยค่อนข้างน้อย เฉลี่ยเด็กรุ่นใหม่คนหนึ่งดื่มนม 1 แก้วต่อสัปดาห์ก็ถือว่าเก่งแล้ว แต่เวลานี้เทรนด์รักสุขภาพกำลังมาแรง จึงถือเป็นความท้าทายของมิลค์พลัสที่จะดึงคนให้หันมาดื่มนมให้มากขึ้น"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,260 วันที่ 11 - 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2560