‘กล่องทิพย์’ ชู ‘ดีลิเวอรี’บุกตลาดเล็งรายได้โต 40 ล้าน
จากประสบการณ์ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการร้านอาหารมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี ประกอบกับการรับบทบาทหน้าที่เป็นนายกสมาคมภัตตาคารไทย ทำให้ได้พบเห็นกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับค่านิยมในการรับประทานอาหารของผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งนิยมสั่งอาหารต่างประเทศที่มีรูปลักษณ์สวยงามมารับประทานในงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการประชุมระดับกระทรวง หรืองานสัมมนาของหน่วยงานภายใน แม้ว่าจะมีราคาที่ค่อนข้างสูง ขณะที่เด็กรุ่นหลังที่มีอายุยังไม่ถึง 30 ปี ก็ค่อนข้างที่จะห่างไกลกับอาหารไทยส่วนอาหารไทยมักจะถูกเสริฟให้กับแขกระดับประเทศรับประทาน
ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย และประธานกรรมการบริหาร กล่องทิพย์ จึงเกิดแนวคิดในการนำอาหารไทยชาววังที่เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ มานำเสนอให้กับผู้บริโภคภายใต้แพคเกจที่ทันสมัยในรูปแบบกล่องอาหารต่างประเทศที่ได้รับความนิยม แต่ภายในแฝงไว้ด้วยรสชาติของอาหารไทยแท้ และความประณีตในการตกแต่งในแบรนด์ "กล่องทิพย์"
[caption id="attachment_146623" align="aligncenter" width="503"]
‘กล่องทิพย์’ ชู ‘ดีลิเวอรี’บุกตลาดเล็งรายได้โต 40 ล้าน[/caption]
จับอาหารไทยชาววังลงกล่อง
ฐนิวรรณ กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า กล่องทิพย์ เริ่มทำตลาดในช่วงปลายปี 2557 โดยได้รับกระแสการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค แต่เนื่องจากต้องทำธุรกิจร้านอาหารควบคู่ไปด้วย ทำให้ไม่สามารถทำผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น ในปี 2560 จึงตั้งใจที่จะขยายตลาด กล่องทิพย์ อย่างเต็มรูปแบบภายใต้กลยุทธ์ในการสร้างการรับรู้ให้กับตลาด โดยลงทุนเปิดร้านอาหารไทยชาววังขนาดย่อม ซึ่งมุ่งหวังให้เป็นสถานที่แนะนำอาหาร
นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มของโรงแรม ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการอาหารว่างที่เป็นอาหารแบบไทย แต่เนื่องจากแต่ละโรงแรมไม่สามารถที่จะว่าจ้างพ่อครัว หรือแม่ครัวที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านอาหารว่างแบบไทยได้ทั้งหมด ผลิตภัณฑ์ของ กล่องทิพย์ จึงตอบโจทย์ความต้องการในส่วนนั้นได้เป็นอย่างดี จากเดิมที่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นหน่วยงานราชการ และบริษัทเอกชนที่มีการจัดการประชุม รวมถึงจัดงานทำบุญเลี้ยงพระ หรือเพื่อรองรับผู้ที่มาร่วมงาน
"ปัจจุบันกล่องทิพย์จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มของอาหารเลี้ยงพระ เนื่องจากผู้บริโภคมีแนวคิดที่ว่าหากถวายสิ่งที่ดีเลิศประเสริฐย่อมได้รับสิ่งที่ดีงามกลับมา ทำให้เกิดการประชาสัมพันธ์จากลูกค้าแบบปากต่อปาก ช่วยทำให้ฐานลูกค้ามีการขยายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี กล่องทิพย์ยังมุ่งเน้นเรื่องโภชนาการทางด้านอาหาร ทำให้สามรถเข้าถึงกลุ่มของผู้ที่รักสุขภาพได้อีกด้วย"
[caption id="attachment_146622" align="aligncenter" width="440"]
‘กล่องทิพย์’ ชู ‘ดีลิเวอรี’บุกตลาดเล็งรายได้โต 40 ล้าน[/caption]
เป้ารายได้ปีนี้ 40 ล้านบาท
ฐนิวรรณ กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการตอบรับกระแสความต้องการของบริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้ดำเนินการลงทุนก่อสร้างโรงงานเพื่อผลิตอาหารไทยชาววังโดยเฉพาะ โดยจากกลยุทธ์ในการทำตลาดเพิ่มเติมดังกล่าว นอกเหนือไปจากการใช้ช่องทางผ่านโซเชี่ยลมีเดีย และช่องทางออนไลน์แล้ว เชื่อว่าจะทำให้มีรายได้เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 50% หรือมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1-3 ล้านบาทต่อเดือน หรือประมาณเกือบ 40 ล้านบาทในปีนี้ และจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต จากกลยุทธ์ในการสร้างการรับรู้ดังกล่าว ซึ่งเป็นการปูพื้นฐานทางด้านการตลาดให้แพร่กระจายออกไปมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์อาหารไทยชาววังล่าสุดจึงทำน้ำพริกบรรจุขวดแก้วแบบพรีเมี่ยม6 รสชาติ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น โดยมุ่งเน้นการจำหน่ายตามเทศกาล หรือเป็นของฝากในโอกาสพิเศษต่างๆ ซึ่งปัจจุบันได้มีการขยายตลาดไปสู่ประเทศจีน และญี่ปุ่น โดยได้เริ่มทดลองตลาดและส่งออกไปจำหน่ายแล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
อีกทั้งยังเป็นเจ้าแรกที่เปิดให้บริการในรูปแบบของเดลิเวอร์รี่ ซึ่งผู้บริโภคสามารถสั่งไปรับประทานได้โดยไม่มีเงื่อนไขขั้นต่ำของจำนวนกล่องที่สั่ง โดยตลาดเดลิเวอรร์รี่ต่อปีมีมูลค่าเป็นหมื่นล้าน เป็นตลาดที่กำลังเข้ามาสู่วิถีชีวิตของคนเมืองมากขึ้น เพราะความเร่งรีบของเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดในช่วงเวลาพักกลางวัน กล่องทิพย์ จึงเข้าถึงกลุ่มผู้ที่ทำงานออฟฟิตได้มากขึ้น
"กล่องทิพย์ เน้นการจับไอเดียอาหารไทยชาววังมาบรรจุลงกล่องแพคเกจที่สวยงามแบบของต่างประเทศ (Set box) โดยเสริฟในรูปแบบของเดลิเวอร์รี่ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคแต่จะเน้นความเป็นอาหารไทยชาววังที่มีความประณีต โดยไม่อยากเห็นอาหารไทยขึ้นหิ้ง และต้องกลายเป็นของสูงอย่างเดียว"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,259 วันที่ 7 - 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย และประธานกรรมการบริหาร กล่องทิพย์ จึงเกิดแนวคิดในการนำอาหารไทยชาววังที่เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ มานำเสนอให้กับผู้บริโภคภายใต้แพคเกจที่ทันสมัยในรูปแบบกล่องอาหารต่างประเทศที่ได้รับความนิยม แต่ภายในแฝงไว้ด้วยรสชาติของอาหารไทยแท้ และความประณีตในการตกแต่งในแบรนด์ "กล่องทิพย์"
[caption id="attachment_146623" align="aligncenter" width="503"]
จับอาหารไทยชาววังลงกล่อง
ฐนิวรรณ กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า กล่องทิพย์ เริ่มทำตลาดในช่วงปลายปี 2557 โดยได้รับกระแสการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค แต่เนื่องจากต้องทำธุรกิจร้านอาหารควบคู่ไปด้วย ทำให้ไม่สามารถทำผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น ในปี 2560 จึงตั้งใจที่จะขยายตลาด กล่องทิพย์ อย่างเต็มรูปแบบภายใต้กลยุทธ์ในการสร้างการรับรู้ให้กับตลาด โดยลงทุนเปิดร้านอาหารไทยชาววังขนาดย่อม ซึ่งมุ่งหวังให้เป็นสถานที่แนะนำอาหาร
นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มของโรงแรม ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการอาหารว่างที่เป็นอาหารแบบไทย แต่เนื่องจากแต่ละโรงแรมไม่สามารถที่จะว่าจ้างพ่อครัว หรือแม่ครัวที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านอาหารว่างแบบไทยได้ทั้งหมด ผลิตภัณฑ์ของ กล่องทิพย์ จึงตอบโจทย์ความต้องการในส่วนนั้นได้เป็นอย่างดี จากเดิมที่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นหน่วยงานราชการ และบริษัทเอกชนที่มีการจัดการประชุม รวมถึงจัดงานทำบุญเลี้ยงพระ หรือเพื่อรองรับผู้ที่มาร่วมงาน
"ปัจจุบันกล่องทิพย์จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มของอาหารเลี้ยงพระ เนื่องจากผู้บริโภคมีแนวคิดที่ว่าหากถวายสิ่งที่ดีเลิศประเสริฐย่อมได้รับสิ่งที่ดีงามกลับมา ทำให้เกิดการประชาสัมพันธ์จากลูกค้าแบบปากต่อปาก ช่วยทำให้ฐานลูกค้ามีการขยายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี กล่องทิพย์ยังมุ่งเน้นเรื่องโภชนาการทางด้านอาหาร ทำให้สามรถเข้าถึงกลุ่มของผู้ที่รักสุขภาพได้อีกด้วย"
[caption id="attachment_146622" align="aligncenter" width="440"]
เป้ารายได้ปีนี้ 40 ล้านบาท
ฐนิวรรณ กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการตอบรับกระแสความต้องการของบริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้ดำเนินการลงทุนก่อสร้างโรงงานเพื่อผลิตอาหารไทยชาววังโดยเฉพาะ โดยจากกลยุทธ์ในการทำตลาดเพิ่มเติมดังกล่าว นอกเหนือไปจากการใช้ช่องทางผ่านโซเชี่ยลมีเดีย และช่องทางออนไลน์แล้ว เชื่อว่าจะทำให้มีรายได้เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 50% หรือมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1-3 ล้านบาทต่อเดือน หรือประมาณเกือบ 40 ล้านบาทในปีนี้ และจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต จากกลยุทธ์ในการสร้างการรับรู้ดังกล่าว ซึ่งเป็นการปูพื้นฐานทางด้านการตลาดให้แพร่กระจายออกไปมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์อาหารไทยชาววังล่าสุดจึงทำน้ำพริกบรรจุขวดแก้วแบบพรีเมี่ยม6 รสชาติ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น โดยมุ่งเน้นการจำหน่ายตามเทศกาล หรือเป็นของฝากในโอกาสพิเศษต่างๆ ซึ่งปัจจุบันได้มีการขยายตลาดไปสู่ประเทศจีน และญี่ปุ่น โดยได้เริ่มทดลองตลาดและส่งออกไปจำหน่ายแล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
อีกทั้งยังเป็นเจ้าแรกที่เปิดให้บริการในรูปแบบของเดลิเวอร์รี่ ซึ่งผู้บริโภคสามารถสั่งไปรับประทานได้โดยไม่มีเงื่อนไขขั้นต่ำของจำนวนกล่องที่สั่ง โดยตลาดเดลิเวอรร์รี่ต่อปีมีมูลค่าเป็นหมื่นล้าน เป็นตลาดที่กำลังเข้ามาสู่วิถีชีวิตของคนเมืองมากขึ้น เพราะความเร่งรีบของเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดในช่วงเวลาพักกลางวัน กล่องทิพย์ จึงเข้าถึงกลุ่มผู้ที่ทำงานออฟฟิตได้มากขึ้น
"กล่องทิพย์ เน้นการจับไอเดียอาหารไทยชาววังมาบรรจุลงกล่องแพคเกจที่สวยงามแบบของต่างประเทศ (Set box) โดยเสริฟในรูปแบบของเดลิเวอร์รี่ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคแต่จะเน้นความเป็นอาหารไทยชาววังที่มีความประณีต โดยไม่อยากเห็นอาหารไทยขึ้นหิ้ง และต้องกลายเป็นของสูงอย่างเดียว"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,259 วันที่ 7 - 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560