‘ทีจี’ เจาะ 600 บริษัทชั้นนำ

08 เม.ย. 2560 | 08:00 น.
“บินไทย” เผยงานรักคุณเท่าฟ้าโกยรายได้ไม่ตํ่ากว่า 200 ล้านบาท เดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุกดึงบิ๊กธุรกิจ 600 บริษัท จ่ายค่าตั๋วต่อปีหลายร้อยล้าน เซ็น“เอ็มโอยู” มัดใจลูกค้า

นายกรกฏ ชาตะสิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ประเทศไทย บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงการจัดงานรักคุณเท่าฟ้า 2560 ว่าได้รับความสนใจจากผู้โดยสารมาก และคาดว่าจะทำรายได้ในราว 200 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ได้จัดงานเร็วขึ้นกว่าทุกปีเพื่อให้ผู้โดยสารได้วางแผนการเดินทางได้ล่วงหน้าได้นานขึ้น รองรับช่วงโลว์ซีซันตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ซึ่งตั๋วดังกล่าวสามารถเดินทางได้ถึงสิ้นเดือนตุลาคม ทั้งยังเป็นการตอบแทนลูกค้าที่ใช้บริการการบินไทยมาโดยตลอด

สำหรับบัตรโดยสารที่นำมาเสนอขายนั้น มีเส้นทางในประเทศและต่างประเทศ ทั้งของการบินไทยและสายการบินไทยสมายล์ มีเส้นทางบินใหม่ ๆ อาทิ อิหร่าน มอสโก โคตาคินาบารู ลัดเนา ชัยปุระ เป็นต้น ขายถูกกว่าปกติตั้งแต่ 10-15-20 % เป็นราคาที่เปรียบกับราคาของสายการบินต่าง ๆ ที่ขายในท้องตลาด งานนี้จึงได้รับความสนใจจากผู้โดยสารมาก และสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มลูกค้าของการบินไทยยังคงเหนียวแน่นแม้จะมีสายการบินต้นทุนต่ำเข้ามาแข่งขันด้านราคาก็ตาม แต่ก็ยังมีผู้โดยสารจำนวนหนึ่งที่นิยมใช้บริการสายการบินที่มีบริการแบบฟลูเซอร์วิส แม้จะแพงกว่าและเส้นทางบินใกล้ๆ และไม่ต้องมีวีซ่าจะได้รับความนิยม อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน รวมถึงยุโรป

อย่างไรก็ดี การบินไทยยังรุกตลาดคอร์ปอเรต โดยได้ออกแคมเปญ “Thai Corporate Plus” เชิญบริษัทธุรกิจชั้นนำ 600 รายที่ใช้บริการเป็นประจำมาเซ็นเอ็มโอยู โดยมีการนำเสนอสิทธิพิเศษต่าง ๆ เพื่อผูกมัดลูกค้าเหล่านี้ให้บริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละรายมียอดการใช้จ่ายค่าตั๋วตั้งแต่หลักล้านไปจนถึงหลายร้อยล้านต่อปี ขณะเดียวกันยังเจาะตลาดเอ็สเอ็มอี ที่มียอดการใช้จ่ายบัตรโดยสารตั้งแต่ 3 แสนถึง1 ล้านบาทต่อปี โดยให้สิทธิพิเศษสามารถเช็กอินตั๋วได้ในชั้นธุรกิจไม่ต้องต่อคิวยาว สิทธิการโอนไมล์ สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับพนักงาน เพราะเล็งเห็นว่ารัฐบาลกำลังส่งเสริม ไทยแลนด์ 4.0 และรองรับแนวโน้มธุรกิจเอ็สเอ็มอี ที่กำลังเติบโต ส่วนช่วงเทศกาลสงกรานต์ในประเทศมีการปรับเปลี่ยนขนาดเครื่องบินให้จุผู้โดยสารให้มากขึ้นตามความเหมาะสมกับยอดบุ๊กกิ้งตั๋วใน 2 เส้นทางคือ ภูเก็ตกับเชียงใหม่

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,250 วันที่ 6 - 8 เมษายน พ.ศ. 2560