รีด‘ทักษิณ’17,629ล้าน ทีมกฎหมายเล็งอุทธรณ์ภาษีหุ้นชิน-ฟ้องมาตรา 157

29 มี.ค. 2560 | 08:00 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

“กรมสรรพากร” บุกบ้านจันทร์ส่องหล้า แปะใบประเมินภาษี “ทักษิณ” ขายหุ้นชินคอร์ป 17,629 ล้าน“ประสงค์” ยันไม่เลือกปฏิบัติ-ใช้หลักเกณฑ์ใดพิเศษ

เจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่เขตบางพลัด ได้นำหนังสือประเมินภาษีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากการซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น (ชินคอร์ป) จำกัด (มหาชน) ประจำปีภาษี 2549 ตามมาตรา 20, 22, 27 และ 61 แห่งประมวลรัษฎากร จำนวน 17,629,585,191 บาท ไปติดที่หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า เลขที่ 472 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่อยู่ของนายทักษิณ ที่แจ้งไว้ในระบบทะเบียนราษฎรของกระทรวงมหาดไทย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่สน.บางพลัด ร่วมเป็นพยาน เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา
หลังจากเมื่อวันที่ 27 มีนาคม นายทักษิณ ที่หลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ ไม่ส่งตัวแทนเข้ารับทราบการประเมินภาษี จากการขายหุ้นชินคอร์ป จำนวน 329.2 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 23 มกราคม2549 ให้กลุ่มเทมาเสก

สำหรับรายละเอียดการคำนวณภาษี นายทักษิณ ปีภาษี 2549 ประกอบด้วย เงินได้พึงประเมิน รวมทั้งสิ้น 15,899,272,594.53 บาท หักค่าใช้จ่ายตามมาตรา 42 ทวิ ถึง 46 และค่าลดหย่อนเงินปันผลฯ ตามมาตรา 47 (1) (จ) แล้ว เหลือ 15,898,893,715.42 บาท หักเงินค่าลดหย่อนตามมาตรา 47 (1) 128,712.00 บาท หักค่าลดหย่อนเงินบริจาคตามมาตรา 47 (7) 1,486,500.34 จึงทำให้เงินได้สุทธินำไปคำนวณภาษี 15,897,278,503.08 บาท

เมื่อเงินได้สุทธินำไปคำนวณ ร้อยละ 0.5 จากเงินได้พึงประเมิน (ไม่รวมถึงเงินได้ตามมาตรา 40 (1)) คิดเป็น 5,881,553,046.14 บาท หักภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เครดิตภาษีและภาษีที่ได้ชำระไว้แล้ว 5,024,649.04 บาท ภาษีที่ต้องชำระยังขาดไป 5,876,528,397.10 บาท บวกเบี้ยปรับ ตามมาตรา 22 5,876,528,397.10 บาท บวก เงินเพิ่ม ตามมาตรา 27 คำนวณถึงวันที่ 31 มีนาคม 2560 รวม 120 เดือน จำนวน 5,876,528,397.10 บาท รวมภาษีที่ต้องชำระทั้งสิ้น 17,629,585,191.30 บาท

การประเมินภาษีดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายที่ต้องประเมินภาษี ภายใน 10 ปี ซึ่งจะหมดอายุความในวันที่ 31 มีนาคม 2560

ทั้งนี้ หากนายทักษิณ ไม่เห็นด้วยกับการประเมินภาษีของกรมสรรพากร สามารถทำเรื่องยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือแจ้งการประเมินภาษีจากเจ้าพนักงานประเมิน และหากไม่พอใจผลประเมิน ยังสามารถอุทธรณ์ต่อศาลภาษีอากรภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์จากคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ นอกจากนี้ หากนายทักษิณ ไม่ยื่นอุทธรณ์ตามกำหนด กรมสรรพากรจะดำเนินการเก็บภาษีทันที และหากผู้เสียภาษีไม่มาชำระ กรมจะใช้อำนาจยึดทรัพย์ เช่น เงินฝาก และ อสังหาริมทรัพย์ เพื่อนำมาชำระค่าภาษีให้ครบต่อไป

นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติ หรือใช้หลักเกณฑ์ใดพิเศษ ยืนยันว่าการเรียกชำภาษีครั้งนี้ เป็นไปตามกระบวนการกฎหมายปกติและ เดินตามระเบียบราชการทั้งหมด แม้อาจถูกฟ้องตามมาก็ตาม

ด้านนายนพดล ปัทมะหนึ่งในทีมกฎหมายนายทักษิณกล่าวว่า นายทักษิณจะใช้สิทธิอุทธรณ์ภายในเวลา 30 วัน ขณะนี้ได้ฟอร์มทีมนักกฎหมายขึ้นมาเพื่อดูแลเรื่องนี้แล้ว ยืนยันว่านายทักษิณ ไม่มีภาระและความรับผิดที่จะต้องชำระภาษี หวังว่าคณะกรรมการฯ จะรับอุทธรณ์ด้วยดี ส่วนผลจะเป็นอย่างไรคงสรุปขณะนี้ไม่ได้ แต่จะมีกระบวนการต่อเนื่องไปในชั้นศาลภาษีอากรกลาง

นายนพดล ย้ำว่า ขณะนี้มีคำถามเกิดขึ้นว่าการดำเนินการเรื่องนี้เป็นการดำเนินการที่เท่าเทียม เสมอภาค สอดคล้องกับหลักนิติธรรมแล้วหรือไม่ ดังนั้นในกรณีที่มีการดำเนินการใดๆ ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายและหลักนิติธรรม มีการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อนายทักษิณ

จึงขอสงวนสิทธิที่จะดำเนินการฟ้องร้อง ตามมาตรา 157ประมวลกฎหมายอาญา และดำเนินการอื่นๆ ที่จำเป็นตามกระบวนการยุติธรรมในเวลาต่อไป เนื่องจากหลักนิติธรรมเป็นสิ่งที่จำเป็นในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจและประเทศเป็นอย่างยิ่ง แม้นายทักษิณจะอยู่ในต่างประเทศ แต่ก็อยากเห็นประเทศมีหลักนิติธรรมที่จะนำไปสู่ความปรองดอง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,248
วันที่ 30 มีนาคม - 1 เมษายน พ.ศ. 2560